ศาลอาญาสั่งประหารชีวิตสาวไทย ลอบขนยาไอซ์ 4 กิโลกรัม ซุกซ่อนมาในกระเป๋าเดินทางจากประเทศฟิลิปปินส์ มูลค่า 14 ล้านบาท แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกตลอดชีวิต
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 913 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีดำ อย.7940/2555 ที่อัยการฝ่ายคดียาเสพติด 9 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.นรีรัตน์ วริษฐ์กิจขจร อายุ 28 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 378/37 ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นจำเลยในความผิดฐานนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ หรือยาไอซ์ เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2555 จำเลยได้เดินทางจากประเทศฟิลิปปินส์ โดยสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ PR 730 เข้ามาในราชอาณาจักร ขณะที่จำเลยนำกระเป๋าเดินทางเข้าตรวจที่เครื่องเอกซเรย์ พบที่พื้นกระเป๋าเดินทางมีสีเข้มผิดปกติ เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำสนามบินสุวรรณภูมิ จึงขอค้นพบบริเวณใต้ฐานกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาล มีแผ่นรองพลาสติก (พีวีซี) สีดำปิดทับอยู่ เมื่องัดออกดูพบเป็นยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม มูลค่า 14 ล้านบาท บรรจุในถุงพลาสติกใส 1 ถุง ซุกซ่อนอยู่ จึงยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมโทรศัพท์มือถือ ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส. 3 บช.ปส. แจ้งข้อหาดำเนินคดี ซึ่งจำเลยสารภาพในชั้นสอบสวน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่ศุลกากรชุดจับกุมเบิกความยืนยัน โดยไม่ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุโกรธเคืองที่จะปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ พยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, วรรคสาม (2), 65 วรรคสอง, 66 วรรคสาม เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต