อธ.ดีเอสไอ ยันเรื่องก่อการร้ายมีอยู่จริงและเป็นเรื่องที่ต้องซีเรียส กรณีลอบวางระเบิดที่รามคำแหง 43/1 ชี้ไม่ควรปิดบัง ระบุดีเอสไอจะเดินหน้าปัญหาเรื่องอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการก่อการร้ายสากลอย่างจริงจังต่อไป
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดบริเวณหน้ารามคำแหงซอย 43/1 ว่าเรื่องนี้ถือว่ามีความสำคัญ และไม่เห็นด้วยกับการรีบออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับการก่อการร้าย ซึ่งจะเห็นได้จากที่เมื่อเช้าวันนี้ (29 พ.ค.) นี้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ UNODC เปิดเวิร์กชอปเรื่องนี้ โดยจัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซนทรัลเวิลด์ ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่ำทำหน้าที่ในการต่อต้านการก่อการร้ายเข้าร่วมประชุม เช่น ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ อาร์เจนตินา และเกาหลีใต้ รวมทั้งอีกหลายประเทศ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ตช. เพื่อสร้างโมเดลสำหรับการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายร่วมกัน
นายธาริตกล่าวอีกว่า เราอาจจะแปลกกว่าหน่วยอื่นที่เรามักพูดว่าเรื่องก่อการร้ายนั้นมีอยู่จริงและเป้นเรื่องที่ต้องซีเรียส แม้ว่าเราอาจจะจะถูกตำหนิติติงจากหลายหน่วยงานว่าทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว หรืออะไรก็แล้วแต่ มุมมองของดีเอสไอเรามองว่าการปฏิเสธสิ่งที่เป็นจริงยิ่งจะเป็นการซ้ำเติม หรือเสมือนการปิดบังปัญหา แต่ถ้าเรายอมรับว่าเรื่องก่อการร้ายสากลเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและประเทศเราก็ล่อแหลม เราจะได้ร่วมกันช่วยแก้ปัญหา เพราะเมื่อเรามีวิธีการแก้ปัญหาและป้องกัน รวมทั้งการร่วมมือกันที่ดีของแต่ละหน่วย เรามองว่ามันจะช่วยระงับยั้บยั้งและเป็นการการันตีว่าความสงบเรียบร้อยจะเกิดขึ้นในภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งเราค่อนข้างเห็นต่างว่าหากเราไปปกปิดหรือปฏิเสธปัญหา แล้วกลัวว่าจะกระทบกระเทือนต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวหรืออะไรต่างๆ มันน่าจะไม่ถูกทาง เพราะฉะนั้นดีเอสไอจะเดินหน้าเพื่อแก้ปัญหาเรื่องอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการก่อการร้ายสากลอย่างจริงจังต่อไป
จากเหตุระเบิดหน้ารามคำแหงได้มอบให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยที่มีผู้เชี่ยวชาญ คือ พ.ต.ท.พงษ์พร พราหมณ์เสน่ห์ เกาะติดเรี่องนี้และสืบข่าว ซึ่งเราก็ทำการหาข่าวของเราด้วย ส่วนจะมีคำตอบอะไรเกี่ยวกับเรื่องหรือไม่ในขณะนี้นั้นยังไม่มี อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการประสานงานจากหน่วยงานอื่น