3อดีต รมต.เข้ารับทราบข้อกล่าวหากรณีบริจาคเงินเข้าพรรค “อิสสระ” ชี้เกมการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์ จวก รบ.ถนัดใช้กลไกของรัฐเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง ระบุ รบ.ชุดนี้ลืมปัญหาปากท้องของ ปชช.แล้ว “อาคม” ตอกกลับ ถ้ากรณีนี้ผิด ผอ.กองคลัง และกกต.มีความผิดหรือไม่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (28 พ.ค.) ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารบี นายอิสสระ สมชัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอาคม เอ่งฉ้วน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และนายไพฑูรย์ แก้วทอง กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม พร้อมทนาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีบริจาคเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์เกิน 2 หมื่นบาทโดยไม่ทำเช็คขีดคร่อม
นายอิสสระกล่าวภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า เราเคารพกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ที่ตั้งข้อกล่าวหาและเราก็มาตามหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งตนคิดว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองคนไทยทุกคนที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย โดยการมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ตนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ขอลงนาม พร้อมทั้งยืนยันว่าการบริจาคเงินเข้าพรรคนั้นเป็นความสมัครใจของสมาชิกพรรค และเงินดังกล่าวก็มีที่มาชัดเจนไม่ได้ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย แต่เป็นการหักเงินเดือนจากสมาชิกพรรคเพื่อบำรุงพรรค เพราะพรรคประชาธิปัตย์อยู่ได้ก็เพราะเงินเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการตั้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้เป็นเรื่องของการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงอยากให้ดีเอสไอทบทวนวิธีการทำงานหรือวิธีคิดใหม่ ไม่ใช่ใช้เป็นสถาบันเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อกลั่นแกล้งฝ่ายการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล แทนที่จะเอาเวลาไปทำคดีที่ใหญ่กว่านี้ก็ไม่ทำแต่มาทำเรื่องนี้ ตนคิดว่ามันไร้สาระ ส่วนจะมีการฟ้องร้องกลับหรือไม่นั้น ขอดูก่อนว่าผลสุดท้ายแล้วดีเอสไอหรืออัยการจะมีคำวินิจฉัยหรือคำสั่งการอย่างไร แต่ถ้าถึงขั้นต้องสู้คดีแล้วเราได้รับความเสียหาย เราก็ต้องใช้สิทธิทางกฎหมายของเรา ซึ่งการที่จะต้องมาเสียเวลาในการสู้คดีดังกล่าวนั้นมันก็ไร้สาระ แทนที่จะไปแก้ปัญหาบ้านเมือง ประเทศไทยเราเสียโอกาสก็เพราะเรื่องอย่างนี้ ทั้งนี้ กรณีการใช้กลไกของรัฐเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองซึ่งรัฐบาลชุดนี้เขาถนัดอยู่แล้ว ดังนั้นกรณีที่เกิดขึ้นเขาก็จะทำไปเรื่อยๆ และทำอย่างไรเพื่อที่จะดิสเคดิตฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตาม ต้องเรียนว่า ในปัจจุบันนี้รัฐบาลชุดนี้ลืมปัญหาปากท้องของประชาชนไปจนสิ้นแล้ว โดยในสภาผู้แทนราษฎรนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแต่เรื่องออกกฎหมายปรองดอง ออกกฎหมายนิรโทษกรรม และเป้าก็คือเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายอาคมกล่าวต่อว่า เจตนารมณ์ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์คือต้องช่วยกันสนับสนุนเงินบำรุงพรรค โดย ส.ส.ระดับเล็กจนถึงระดับผู้ใหญ่ของพรรคจะเริ่มจากหักเงินบำรุงพรรคเดือนละ 5,000 บาท และ 10,000 จนถึง 20,000 บาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาตลอดของพรรค ซึ่งในช่วงที่ตนเป็น ส.ส.มา 30 ปีนั้นก็ปฏิบัติเช่นนี้จนกระทั่งวันนี้ และก่อนที่จะมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พ.ร.บ.พรรคการเมือง ดังนั้นเรื่องนี้ควรที่จะต้องดูที่เจตนา อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้ฟ้องร้องให้ดีเอสไอดำเนินคดีก็ต้องปล่อยให้ดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมผลออกมาอย่างไรก็ต้องให้เป็นไปตามดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา
เมื่อถามว่าดีเอสไอแจ้งข้อหาแล้ว ยังคงบริจาคให้พรรคอีกหรือไม่ นายอาคมกล่าวว่า บริจาคเงินให้พรรคด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะฉะนั้นจะบริจาคให้พรรคเหมือนที่เคยทำมาตลอด และตั้งแต่มีกฎหมายฉบับนี้ออกมาทางกองคลัง สภาผู้แทนราษฎร ก็ทำหน้าที่หักเงินส่งให้พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทั้งแจ้งรายงานให้คณะกรรมการเลือกตั้งทราบมาโดยตลอด เรื่องนี้หาก ส.ส.พรรคกระทำผิด ขอย้อนถามว่า ผอ.กองคลัง สภาผู้แทนฯที่ทำหน้าที่หักเงินกองคลังและ กกต.ในฐานะผู้รักษากฏหมายมีความผิดหรือไม่
เมื่อถามว่าจะฟ้องกลับดีเอสไอที่ถูกกล่าวหากระทำความผิดหรือไม่ นายอาคมกล่าวว่า เราต้องรักษาสิทธิตัวเอง แม้ว่ากฎหมายไทยจะเป็นระบบกล่าวหา ซึ่งเป็นปัญหาว่ากระบวนการพิสูจน์ต้องใช้เวลานาน ตั้งแต่ขั้นตอนส่งอัยการฟ้องศาลและกว่าที่ศาลจะพิจารณาตัดสินหลุดพ้นความผิด ปรากฏว่าเป็นข่าวเราถูกตัดสินจากประชาชนไปในทางเสียหายไปมากแล้ว ทำให้กระทบธุรกิจ ความน่าเชื่อถือ และกว่าศาลจะมีคำตัดสินผลออกมาคนเลิกสนใจลืมไปแล้ว
