ปคม.โต้ “อาสาว” ลวงหลานค้ากามแดนกิมจิ ยันทำตามหน้าที่ไม่มีกลั่นแกล้ง

ผบก.ปคม.กล่าวตอบโต้กรณีอาสาวของเด็ก 17 ที่ถูกลวงไปค้ากามที่เกาหลีใต้โวยถูกตำรวจกลั่นแกล้งทำเกินกว่าเหตุนั้น ยืนยันตำรวจทำตามหน้าที่และพยานหลักฐาน ไม่ได้กล่าวหามั่วเพราะไม่รู้จักหรือโกรธเคืองกันมาก่อน เตรียมประสานอัยการบินไปสอบที่กรุงโซล

วันนี้ (23 พ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. กล่าวถึงกรณีที่นางเพียงใจ คิม หรือพันธุ์ปลาโด อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก หลังก่อเหตุหลอกลวง น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี หลานสาวไปค้าประเวณีที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์กล่าวหาว่าถูกตำรวจกลั่นแกล้งว่า การกล่าวหาตำรวจของผู้ต้องหานั้นไม่เกี่ยวกับทางคดี เนื่องจาก น.ส.เอได้ให้การต่อหน้าพนักงานสอบสวน บก.ปคม.อัยการ และนักจิตวิตยาว่าอาเป็นคนชวนไปทำงานที่เกาหลีใต้จริง

พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้บันทึกคำให้การของ น.ส.เอ ทางวิดีโอไว้เป็นหลักฐานแล้ว โดยซัดทอดว่านางเพียงใจเป็นคนชักชวนไปทำงานที่เกาหลีใต้ ซึ่งก็ต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล ไม่มีประโยชน์ที่จะมากล่าวหาว่าถูกตำรวจกลั่นแกล้ง อย่างไรก็ตาม หลังออกหมายจับแล้วทางเราก็ได้ประสานไปยังตำรวจกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อหาช่องทางดำเนินการต่อผู้ต้องหาต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังคดีดังกล่าวกลายเป็นข่าวโด่งดังตามสื่อมวลชนในประเทศไทย นางเพียงใจก็ได้โทรศัพท์ติดต่อมายังพนักงานสอบสวน บก.ปคม. กล่าวหาว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้สัมภาษณ์สื่อนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทางตำรวจกล่าวหาตนเกินกว่าเหตุ แต่พนักงานสอบสวนก็ได้แย้งกลับไปว่า เจ้าหน้าที่ให้สัมภาษณ์ไปตามพยานหลักฐาน ตามข้อเท้จจริงที่ปรากฏ ตำรวจไม่ได้ใส่ร้ายผู้ต้องหา เพราะไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว อีกทั้งยังไม่มีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อนแต่อย่างใด

รายงานแจ้งอีกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง บก.ปคม.เตรียมส่งเรื่องขออนุญาตสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อเดินทางไปสอบสวนพนักงานของร้านอยุธยาที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีใครร่วมกระทำความผิดอีกหรือไม่