รอง ผบช.ปส.ตอบโต้กรณีที่มีอดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่ถูกตำรวจ บช.ปส.จับกุมดำเนินคดีติดคุกระหว่างสู้คดีนานเกือบ 2 ปีจนล่าสุดศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แล้วไปร้องเรียนนักข่าวกองปราบฯนั้นยืนยันตำรวจทำตามพยานหลักฐานไม่ได้จับแพะ ชี้ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาไม่ได้ระบุเรื่องบัตรประชาชนหาย เตรียมรวบรวมหลักฐานส่งไม้ต่อให้อัยการอุทธรณ์คดีต่อ
วันนี้ (16 พ.ค.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส. กล่าวถึงกรณีที่นายอนุกูล นิธินุศากร อายุ 37 ปี จำเลยในคดียาเสพติด เดินทางเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด บช.ปส. จับกุมผิดตัวและถูกจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 7 เดือน 13 วัน เนื่องจากไม่ได้รับการประกันตัวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีผู้นำยาบ้าซุกซ่อนมาภายในกล่องผลไม้ จากบริษัทขนส่งสินค้าแห่งหนึ่งในจ.เชียงใหม่ ไปส่งไปสถานีขนส่ง จ.นนทบุรี จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ที่เดินทางไปรับยาบ้าจำนวน 7,000 เม็ดและซุกซ่อนในกล่องผลไม้ ได้ที่สถานีขนส่ง จ.นนทบุรี จากนั้นสืบสวนขยายผลพบว่า มีการใช้บัตรประชาชนของนายอนุกูล เป็นผู้นำกล่องผลไม้ซุกซ่อนยาเสพติดมาฝากส่งให้กับผู้ต้องหาทั้งสอง โดยมีพยานชี้ตัวยืนยันนายอนุกูล ได้อย่างถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ ก่อนสามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้
พล.ต.ต. สุรพล กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายอนุกูลอ้างว่าบัตรประชาชนหายนั้น ซึ่งในชั้นสอบสวนนายอนุกูลไม่ได้ระบุถึงเรื่องบัตรประชาชนแต่อย่างใด ในส่วนของการสอบสวนก็สอบสวนต่อหน้าทนายความด้วย จึงไม่มีเหตุผลใดที่พนักงานสอบสวนจะไม่ลงบันทึกในสำนวนตามคำให้การของผู้ต้องหา ส่วนเรื่องการคัดค้านการประกันตัวนั้น ในคดียาเสพติดเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการคัดค้านประกันตัวอยู่แล้ว ซึ่งตนยืนยันว่าการจับกุมนายอนุกูล เป็นการจับกุมตามหมายจับที่ได้จากการขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติด อีกทั้งยังมีพยานยืนยันชี้ตัวได้ถูกต้องด้วยว่านายอนุกูล เป็นผู้ฝากส่งกล่องผลไม้ดังกล่าวจริง
อย่างไรก็ตามช่วงเช้าวันนี้ (16 พ.ค.) ตนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน ไปขอคัดคำพิพากษาที่ศาลอาญาในคดีดังกล่าว เพื่อมาพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยอาจจะตรวจสอบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างนายอนุกูล และผู้ต้องหาทั้ง 2 รายที่ถูกจับกุม หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดรายอื่นๆหรือไม่ ซึ่งคดีเพิ่งจะอยู่ในศาลชั้นต้นเท่านั้นก็ต้องต่อสู้คดีต่อไปตามพยานหลักฐาน โดยจะไปหารือกับอัยการเพื่ออุทธรณ์คดีต่อไป