สตช.จ่อร่อนหนังสือยกเลิกสัญญาถึง “บ.พีซีซี” พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด “ปิยะ” ระบุยังมีส่วนต่างค่าก่อสร้าง ซึ่งจำเป็นต้องมีการประมูลผู้จ้างใหม่จึงจะทราบว่ามีส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นจากงบประมาณเดิมหรือไม่ หากเพิ่มขึ้น ตร.ก็ต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก บ.พีซีซี
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลัง ตร.ประกาศบอกเลิกสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง กับบริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมาว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามบอกเลิกสัญญาไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่ ตร.จะส่งหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาไปยังบริษัท พีซีซีฯ ในฐานะคู่สัญญา พร้อมกับมีหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีถึงการบอกเบิกสัญญาครั้งนี้ โดย ตร.จะส่งหนังสือดังกล่าวไปโดยเร็วที่สุด
โฆษก ตร.กล่าวว่า ในส่วนของบริษัท พีซีซีนั้น ในเอกสารที่ ตร.จะส่งไปนอกจากคำอธิบายของการเลิกสัญญา ยังจะระบุถึงการร้องขอให้บริษัท พีซีซี ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาต่างๆ และแจ้งว่า ตร.จะปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างไรบ้าง อาทิ แจ้งว่า ตร.จะยึดเงินค้ำประกันธนาคาร แจ้งถึงการที่คู่สัญญาต้องจ่ายค่าปรับแก่ ตร.เนื่องจากผิดสัญญา รวมถึงการแจ้งค่าเสียโอกาสในส่วนที่ ตร.ต้องใช้งบประมาณไปกับการปรับปรุงโรงพักชั่วคราว เพื่อบังคับให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญานั้น หากแจ้งไปแล้วทางคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปคือดำเนินการตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวด้วยว่า ขณะที่ยังมีอีกส่วน คือ ส่วนต่างค่าก่อสร้าง ทั้งนี้จำเป็นต้องมีการประมูลผู้จ้างใหม่ก่อนจึงจะทราบว่ามีส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นจากงบประมาณเดิมหรือไม่ หากเพิ่มขึ้น ตร.ก็ต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก บ.พีซีซี แต่หากไม่เพิ่มก็ไม่ต้องฟ้องร้องในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ตร.กำหนดว่าภายใน 30 วัน ตร.จะเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติเปลี่ยนแปลงจากการทำโครงการเดียว เป็น 396 โครงการ และระหว่างนี้ ตร.ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดจ้างใหม่ไปพร้อมๆ กันด้วย