xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ลดโทษมือวางระเบิดพรรคภูมิใจไทยเหลือ 5 ปี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)นายเอนก สิงขุนทด ผู้ต้องขังในคดีลอบวางระเบิดหน้าพรรคภูมิใจไทย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ศาลชั้นต้น ลดโทษมือระเบิดพรรคภูมิใจไทยเหลือ 5 ปี ปรับ 50 บาท หลังศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 35 ปี

ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (9 เม.ย.) ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.2930/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอนก สิงขุนทด จำเลยที่ 1 ซึ่งตาบอดเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดหน้าพรรคภูมิใจไทย ในความผิดฐานร่วมกันทำวัตถุระเบิด มีวัตถุระเบิดที่ออกใบอนุญาตไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธ (วัตถุระเบิด) ไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุสมควร และกระทำให้เกิดระเบิดฯ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 38, 74 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 221, 222, 218, 371

โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างต้นเดือน มิ.ย.-22 มิ.ย. 2553 ต่อเนื่องกัน จำเลยร่วมกับพวกผลิตหรือทำวัตถุระเบิด และร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ทำขึ้นโดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยนายนายอเนก จำเลยที่ 1 เป็นผู้เข็นรถเข็นผลไม้ที่ซุกซ่อนระเบิดไว้ เข็นผ่านไปทางด้านหลังของอาคารที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ตั้งอยู่ใกล้ซอยพหลโยธิน 43 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ก่อนเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ผนังด้านหลังอาคารพรรคภูมิใจไทย แตกเสียหาย ขณะเดียวกัน แรงระเบิดยังทำให้นายอเนกตาบอดทั้งสองข้าง นอกจากนี้เพิงโรงเรือนร้านค้าขายอาหารตามสั่งและรถยนต์บริเวณใกล้เคียงถูกแรงระเบิดเสียหาย

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2555 ว่าให้จำคุก 2 กระทงๆ ละ 10 ปี ฐานมีระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และปรับ 100 บาท, ฐานพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ และให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานทำระเบิดให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินฯ และสถานที่ประชุม ซึ่งเป็นโทษหนักสุดตามมาตรา 222 และ 218 จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ให้จำคุกรวมทั้งสิ้น 35 ปี และปรับ 50 บาทจำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาโทษลดลง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน 2 นาย ที่ไปตรวจยังจุดเกิดเหตุ เป็นพยานเบิกความว่าใช้กล้องบันทึกภาพและเสียงของจำเลยที่ให้การรับสารภาพเล่าเหตุการณ์ไว้ ขณะที่ยังมีการคัดลอกข้อมูลจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ประกอบบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาจำเลย และคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนที่เล่าถึงพฤติการณ์และเหตุจูงใจด้วย จำเลยให้การับสารภาพ อีกทั้งพยานโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ของรับปฏิบัติไปตามหน้าที่และไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะให้การปรักปรำ พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมาจึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัย เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดฐานร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สถานที่ประชุมตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา อุทธรณ์ของจำเลยในส่วนนี้ที่ว่าไม่ได้กระทำผิดจึงฟังไม่ขึ้น ส่วนความผิดฐานร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น แม้จำเลยจะทำและมีวัตถุระเบิด 2 ลูก ซึ่งวัตถุระเบิดอีก 1 ลูกไปตรวจยึดได้ที่ริมถนนรามอินทรา 81 แต่การกระทำของจำเลยนั้นมีเจตนามุ่งการกระทำการในคราวเดียว ความผิดของจำเลยฐานร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นจึงเป็นความผิดกรรมเดียว ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบานั้นฟังขึ้น เห็นสมควรลงโทษจำเลยที่ 1 ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดี

พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 5 ปี ฐานทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินฯ และสถานที่ประชุม ลงโทษจำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลา 5 ปี และปรับ 50 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น