เจ้าหน้าที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่นำตัวนายเอนก สิงขุนทด จำเลยในคดีวางระเบิดข้างพรรคภูมิใจไทย มายังศาลอาญารัชดาฯ เพื่อฟังคำพิพากษาศาลชั้นอุทธรณ์
คดีนี้เป็นคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอนก ซึ่งเป็นผู้เข็นรถผลไม้ ที่บาดเจ็บตาบอดจากกรณีที่จำเลยได้ร่วมกับพวก รวม 6 คน ซุกซ่อนระเบิดใส่ในรถขายผลไม้ แล้วเข็นไปจอดทิ้งไว้หน้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ซอยพหลโยธิน 43 จนระเบิด ทำให้อาคารเสียหาย เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2553
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายเอนก ตลอดชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ประกอบกับบาดเจ็บจากแรงระเบิดจนตาบอดทั้ง 2 ข้าง จึงพิพากษาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 35 ปี ปรับเป็นเงิน 50 บาท
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์นัดประชุมคดี เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เหลือโทษจำคุก 5 ปี ส่วนฐานทำให้เกิดระเบิดจนเป็นอันตรายต่อผู้อื่นและทรัพย์สิน ที่ประชุมคงเหลือโทษจำคุก 5 ปี รวมโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 50 บาท ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 5 ปี ปรับ 50 บาท
คดีนี้ศาลแยกสำนวนออกมาพิพากษาก่อน ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 5 คน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี
คดีนี้เป็นคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอนก ซึ่งเป็นผู้เข็นรถผลไม้ ที่บาดเจ็บตาบอดจากกรณีที่จำเลยได้ร่วมกับพวก รวม 6 คน ซุกซ่อนระเบิดใส่ในรถขายผลไม้ แล้วเข็นไปจอดทิ้งไว้หน้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ซอยพหลโยธิน 43 จนระเบิด ทำให้อาคารเสียหาย เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2553
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายเอนก ตลอดชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ประกอบกับบาดเจ็บจากแรงระเบิดจนตาบอดทั้ง 2 ข้าง จึงพิพากษาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 35 ปี ปรับเป็นเงิน 50 บาท
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์นัดประชุมคดี เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เหลือโทษจำคุก 5 ปี ส่วนฐานทำให้เกิดระเบิดจนเป็นอันตรายต่อผู้อื่นและทรัพย์สิน ที่ประชุมคงเหลือโทษจำคุก 5 ปี รวมโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 50 บาท ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 5 ปี ปรับ 50 บาท
คดีนี้ศาลแยกสำนวนออกมาพิพากษาก่อน ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 5 คน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี