สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงความคืบหน้าการยึดทรัพย์ 3 บ่อนชื่อดัง พร้อมอายัดในส่วนของพื้นที่บ่อนเตาปูน มูลค่ารวม 12.4 ล้านบาท ทลายบ่อนเยาวราช จับกุมผู้เสี่ยงโชค 246 พร้อมของกลางมูลค่ากว่า 130 ล้านบาท ภายหลังการแถลงทลายบ่อน รวมถึงการเปิดสายด่วน ปปง.1710 เพื่อรับแจ้งร้องทุกข์ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม
วันที่ 4 เม.ย.56 พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงความคืบหน้าการยึดอายัดทรัพย์บ่อนการพนัน 3 แห่ง ประกอบด้วย บ่อนเตาปูน บ่อนแม่โห้ ย่านคลองตัน และบ่อนเยาวราช หรือบ่อน 369 ถนนผดุงด้าว ย่านสัมพันธวงศ์ว่า สำหรับบ่อนเตาปูน ปปง.ได้ส่งสำนวนให้อัยการยื่นฟ้องให้ศาลมีคำสั่งยึดที่ดินตามโฉนดเลขที่ 156026 เขตบางซื่อ กทม.เนื้อที่ 2 งาน 40 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ ประเมินค่ารวม 12.4 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะปรากฎหลักฐานเชื่อได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวซึ่งได้มาจากกการกระทำความผิด
เลขาธิการ ปปง.กล่าวต่อว่า ส่วนบ่อนแม่โห้ย่านคลองตัน หลังจากศาลมีคำพิพากษาจำคุกเจ้ามือและนักพนันกว่า 100 คน ทำให้คดีเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน และยังมีบุคคลที่อยู่เบื้องหลังไม่ต่ำกว่า 5 ราย ทางปปง.จึงเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการทางทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวถึงการตรวจสอบการลักลอบเล่นพนันในบ่อนเยาวราชว่า บ่อนดังกล่าวเปิดให้เล่นพนันรายใหญ่ มีวงเงินพนันสูง ขณะเข้าจับกุมมีนักพนัน 246 คน ภายในบ่อนแบ่งเป็นห้องโถงรวม และห้องวีไอพี ยึดของกลางที่ใช้เป็นทรัพย์วางเดิมพันพนันได้ 17 รายการ เช่น เงินสด แหวนอัญมณี ทองรูปพรรณ และพระเหลี่ยมทอง มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ ปปง.เข้าไปตรวจสอบพบว่า บริเวณรอบนอกอาคารที่เปิดเป็นบ่อนพนันมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบบุคคลแปลกหน้า และมีพ่อค้าแม่ค้า และมีจิ๊กโก๋ปากซอยคอยดูต้นทาง ขณะนี้ ปปง.ยังรอผลการตรวจสอบจากหน่วยงานและสถาบันการเงินเพื่อวิเคราะห์เส้นทางการเงินของผู้ที่ได้รับผลประโยชน์แท้จริงจากบ่อนเยาวราช
พ.ต.อ.สีหนาทยังเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ สายด่วน ปปง.1710 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งเบาะแสและรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนและผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม เนื่องจากมิจฉาชีพได้ใช้ระบบโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือวีโอไอพี สวมทับหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยราชการต่างๆ รวมทั้ง ปปง. จนทำให้ประชาชนกว่า 100 รายหลงเชื่อและโอนเงินกว่า 50 ล้านบาทไปให้แก่มิจฉาชีพที่ไปตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงอยู่ในต่างประเทศ