อธิบดีดีเอสไอ เผย FBI เตือนประเทศไทยเสี่ยงการเกิดการก่อการร้ายรุนแรงติดอันดับ 5 ของโลก ตั้งค่าหัวขบวนการก่อการร้ายระดับโลกกว่า 5 ล้านบาท หลังพบกบดานในไทย
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) วันนี้ (3 เม.ย.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับนายแดเนียล พี เพาเวอร์ ผอ.สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) ประจำประเทศไทย ซึ่งให้ข้อมูลว่าการวิจัยของประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาพบไทยอยู่ในอันดับต้นของโลกที่เสี่ยงเกิดเหตุก่อการร้ายรุนแรงในเร็วๆ นี้ โดยถูกจัดให้อยู่อันดับ 5 ของโลก ดังนั้นจึงขอให้ประเทศไทยระมัดระวัง เพราะถือเป็นประเทศที่มีเสรีภาพสูงในแถบเอเชีย และเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย โดยขณะนี้ดีเอสไอได้ตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรงและการก่อการร้ายสากลขึ้น ล่าสุดมีการประสานความร่วมมือกับเอฟบีไอ เพื่อร่วมกันติดตามจับกุมตัว นายบราวน์ เจสัน ดีเร็ก ซึ่งมีเบาะแสว่าเข้ามาหลบซ่อนตัวในประเทศไทย โดยนายบราวน์ถือเป็นอาชญากรรายสำคัญ 1 ใน 5 ที่เอฟบีไอต้องการมากที่สุด มีประวัติก่อเหตุปล้นรถขนเงินและฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมลรัฐแอริโซนา และหอบเงินที่ปล้นได้หลบหนี เอฟบีไอตั้งค่าหัวไว้ 5.8 ล้านบาท สำหรับผู้แจ้งเบาะแสหาจนนำไปสู่การจับกุม
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักคดีกิจการต่างประเทศและอาชญากรรมระหว่างประเทศ ร่วมกับ พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. เข้าตรวจค้นและจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้โทรศัพท์ผ่านระบบวีโอไอพี หลอกลวงชาวยุโรปให้ซื้อหุ้นโดยผลการตรวจค้นคอลเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ที่ชั้น 17 ของอาคารยูไนเต็ด ทาวเวอร์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สน.ทองหล่อ พบกลุ่มคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นบริษัท ลัคกี้ เพิร์ล อินเวสเม้นท์ ภายในสำนักงานมีคอมพิวเตอร์ สคริปต์สนทนา รายชื่อผู้เสียหายในใบหุ้นซึ่งระบุว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เงินจากผู้เสียหายไปแล้วหลายร้อยล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมชาวต่างชาติ 13 คน แบ่งเป็นชาวแคนาดา 4 คน ชาวอังกฤษ 2 คน ชาวรัสเวีย 1 คน และชาวอเมริกัน 2 คน ซึ่งจะส่งตัวให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศ
นอกจากนี้ ดีเอสไอยังได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจไต้หวัน (MJIB) เข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไทยที่ตั้งศูนย์หลอกลวงผ่านโปรแกรมโทรศัพท์วีโอไอพีอยู่ในไต้หวัน โดยแก๊งดังกล่าวจะหลอกลวงว่าเป็นหน่วยงานกระทรวงยุติธรรมโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายเพื่อข่มขู่ หลอกลวงให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มไปยังบัญชีธนาคารที่เปิดไว้ในไต้หวัน