ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- บริษัทวิจัยอากาศยานแห่งหนึ่งในเมืองเออร์คุต (Irkut) ของรัสเซีย จะช่วยเวียดนามพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV (Unmanned Aerial Vehicle) เพื่อใช้เป็นเป้าซ้อมในการฝึกโจมตีของเครื่องบินรบและเป็นพื้นฐานในการพัฒนา เพื่อใช้การบินลาดตระเวนและบินสอดแนมในอนาคตและในภารกิจการป้องกันประเทศ
หนังสือพิมพ์ออนไลน์ "เดิ๊ตเหวียด" (Báo Đất Việt) รายงานอ้างข่าวของหนังสือพิมพ์อิซเวสเตีย (Izvestia) ของรัสเซียในสัปดาห์นี้
บริษัทเออร์คุตเอ็นจิเนียร์ได้เซ็นความตกลงเรื่องนี้กับสถาบันวิจัยและพัฒนาอากาศยาน กระทรวงกลาโหมเวียดนามวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ของรัสเซียกล่าวโดยให้รายละเอียดแต่เพียงว่า รัสเซียจะช่วยเวียดนามทำการวิจัยและผลิต UAV เพื่อใช้ในกิจการพลเรือนเป็นหลักและเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไป เวียดนามสามารถนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นได้
โดรนเป็นคำง่ายๆ ที่ใช้แทนในการเรียก UAV แต่ในปัจจุบันโดรนส่วนใหญ่จะเป็น UAV ชนิดที่ตั้งโปรแกรมล่วงหน้า และปฏิบัติงานตามโปรแกรมนั้นๆ ด้วยตัวเองขณะออกปฏิบัติการด้วยการสื่อสารข้อมูลผ่านระบบดาวเทียม ดังที่สหรัฐฯ ใช้ในการโจมตีเป้าหมายกลุ่มตอลิบานในอัฟกานิสถาน ละปากีสถภานในอดีต แตกต่างจาก UAV ทั่วไปที่ใช้ระบบควบคุมระยะไกลธรรมดา
การปฏิบัติการของโดรน หรือ UAV นอกจากตัวอากาศยานแล้ว ยังจะต้องมีส่วนประกอบอื่นๆ รวมทั้งข่ายการสื่อสารขนาดใหญ่ในการควบคุม UAV สถานีปฏิบัติการภาคพื้นดิน รวมทั้งฐานปล่อยที่มีหลายชนิด ตามความเหมาะสมในการใช้งาน
โดรนบางประเภทยังคงใช้ทางวิ่งขึ้นลงเช่นอากาศยานทั่วไป ชนิดที่ก้าวหน้ากว่าจะขึ้นลงในทางดิ่ง ใช้พื้นที่ไม่มาก ขณะที่อีกบางชนิดใช้ "อุปกรณ์ดีด" (Catapult) เมื่อส่งขึ้น และ ใช้ร่มชูชีพเมื่อลงสู่พื้น
เป้าหมายแรกระหว่างรัสเวียกับเวียดนามคือการผลิต UAV ขนาดเล็กน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ที่จะสามารถบินได้ราว 16 ชั่วโมงติดต่อกัน และ ลงสู่พื้นด้วยร่มชูชีพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการสำรวจวิจัยและเก็บข้อมูลต่างๆ สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนามกล่าว โดยมิให้รายละเอียดเกี่ยวกับความเร็วของ UAV ตลอดจนรัศมีปฏิบัติการ
.
.
ปัจจุบัน UAV แบบ RQ-1 "Predator" ของสหรัฐฯ ที่ใช้ปฏิบัติการทั้งในอิรักและอัฟกานิสถานสามารถบินได้นาน 20-40 ชั่วโมง หรือ RQ-1C (Gray Eagle) ก็บินได้นาน 30 ชั่วโมง หนังสือพิมพ์อิซเวสเตียอ้างคำกล่าวของนายยูริ มาลอฟ (Yuri Malov) ผู้อำนวยการบริษัทเออร์คุตเอ็นจิเนียร์
"เราเป็นหุ้นส่วนทางด้านเทคโนโลยี โดยมีพันธะสัญญาในการฝึกฝนและสนับสนุนเวียดนามให้มีศักยภาพในการใช้อากาศยานไร้คนบังคับ..และเมื่อสั่งสมประสบการณ์มากขึ้น เวียดนามจะสามารถพัฒนา UAV ของตนเองได้" นายมาลอฟ กล่าว
ตามสัญญาที่เพิ่งเซ็นกันนี้รัสเซียจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยี UAV ให้เวียดนาม ให้สามารถผลิต UAV ออกมาได้จำนวนมากเท่าที่ต้องการ ซึ่งจะทำให้เวียดนามจะสามารถผลิต UAV ที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นไปอีกได้ในวันข้างหน้า รวมทั้งสามารถพัฒนาอากาศยานที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและบินได้ยาวนานขึ้น
รัสเซียเริ่มวิตจัยและทดลอง UAV มานานกว่า 10 ปี ด้วยความร่วมมือกับอิสราเอล และ เริ่มผลิตออกมาใช้เพื่อการกลาโหมอย่างเต็มรูปแบบเพียงไม่กี่ปีมานี้ ปัจจุบันผลิตออกมาหลากหลายชนิดเพื่อสนองความต้องการในหลายแขนงงาน "โดรน" ของรัสเซียก้าวหน้าไม่แพ้ของชาติตะวันตกอื่นๆ ทั้งความเร็ว รัศมีปฏิบัติการ และ ความยาวนานของระยะเวลาที่ออกปฏิบัติการ
สำหรับเวียดนามเริ่มพัฒนาและใช้อากาศยานวิทยุบังคับมาตั้งแต่ปี 2539 ในการฝึกซ้อมของเครื่องบินรบ และการฝึกซ้อมป้องกันการโจมตีทางอากาศ เป็นเป้าระบบปืนใหญ่ต่อสู้อากาศกับระบบจรวดต่อสู้อากาศยาน รุ่นก้าวหน้าที่สุดในปัจจุบันเป็นรุ่นที่ซื้อจากประเทศอิสราเอล
อย่างไรก็ตาม UAV ที่เวียดนามนำเข้าในปัจจุบันมีราคาแพงมาก นอกจากนั้นยังมีข้อจำกัดที่สำคัญเช่น ไม่สามารถบินได้ในความสูง และ ไม่สามารถใช้เป็นเป้าบินสำหรับฝึกซ้อมรบการโจมตีระยะไกลได้ เดิ๊ตเหวียดกล่าว.