บก.ผู้จัดการฯ ควงทนายความเข้ารับทราบข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” จากกรณีที่ นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการ ฉบับวันที่ 24 กันยายน 2552 ในคอลัมน์ “ผู้จัดกวน” ซึ่งเป็นส่วนแทรกในหนังสือพิมพ์นำภาพใบหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีการนำภาพเปลือยของผู้อื่นมาใส่ไว้ในลักษณะลามกอนาจาร ยืนยันภาพมีการเซ็นเซอร์ไม่ได้ลามกอนาจารแต่อย่างใด จวกกองปราบฯ ให้ “นช.แม้ว” มาสั่งการ ทนายชี้ตั้ง พนง.สอบสวนเป็นรูปของคณะทำงานเพราะเหตุใด เพราะคดีดังกล่าวเป็นคดีความผิดส่วนบุคคล สังคม และประชาชน ไม่ได้ประโยชน์อะไร
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน พร้อมด้วย น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ไพรินทร์ แจ่มจำรัส พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.5 บก.ป.เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มอบอำนาจให้นายสุภาพ เพชรศรี ทนายความ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายตุลย์ กรณี นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการ ฉบับวันที่ 24 กันยายน 2552 ในคอลัมน์ “ผู้จัดกวน” ซึ่งเป็นส่วนแทรกในหนังสือพิมพ์นำภาพใบหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตัดต่อด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีการนำภาพเปลือยของผู้อื่นมาใส่ไว้ในลักษณะลามกอนาจาร จากนั้นทาง บก.ป.ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินคดี โดยมี พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกนายตุลย์รวม 4 ครั้ง แต่นายตุลย์ไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด กระทั่งได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันเดียวกันนี้
นายตุลย์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นหมายเรียกของพนักงานสอบสวน บก.ป.และไม่เคยทราบว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อกล่าวหาดังกล่าว จนมาทราบเรื่องเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตามตัวถึงบ้านพักย่านโชคชัย 4 แต่ตนไม่ได้อยู่บ้าน มีเพียงภรรยาที่อาศัยอยู่ ซึ่งหลังจากภรรยาเห็นหมายแล้วจึงบอกให้ตนทราบ ครั้งแรกรู้สึกแปลกใจเพราะเรื่องนี้ผ่านมานานแล้ว รวมทั้งไม่เคยได้รับหมายเรียกแม้แต่สักครั้งเดียว จู่ๆ กลับมีหมายเรียกเป็นครั้งที่ 4 ส่งมาให้
นายตุลย์กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีภาพดังกล่าวนั้นขอยืนยันว่าไม่ได้ลามกอนาจารแต่อย่างใด ภาพนั้นมีการเซ็นเซอร์ ไม่ได้เห็นอวัยวะเพศ นอกจากนี้มีนายตำรวจท่านหนึ่งก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าดูภาพแล้วก็ไม่ครบองค์ประกอบความผิด และเหตุใดคดีนี้มีการแจ้งความไว้เมื่อปี 2552 ตำรวจเพิ่งออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ทั้งที่ผ่านมาตั้งนานแล้ว อย่างไรก็ตามตนอยากบอกว่าในส่วนของ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ ระบุชัดว่าทางบรรณาธิการ ไม่ต้องรับผิดชอบกรณีที่เกิดการหมิ่นประมาท โดยต้องมีการพิสูจน์ความผิดกันเอง โดยบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาจะรับผิดชอบตามความผิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคเท่านั้น
“ทักษิณหนีความผิดออกนอกประเทศหลังศาลตัดสินจำคุก 2 ปี คดีที่ดินรัชดาฯ และยังมีอีก 4-5 คดีที่พบการทุจริต ศาลกำลังตัดสิน แต่กลับหลบหนีคดีไป แล้วมามอบอำนาจให้คนอื่นมาฟ้องร้องผู้อื่นนั้นถูกต้องหรือ ยุติธรรมหรือไม่ ทั้งนี้ 4 ปีแล้วตำรวจไม่ทำอะไร ถึงเวลานี้กลับมาเล่นงานผม แสดงว่าทักษิณมีอำนาจเหนือรัฐไทย เหนือข้าราชการ ประเทศไทยปกครองกันอย่างไร ที่ให้ผู้ร้ายมาสั่งการทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศนี้ได้ ทั้งนี้ผมเตรียมขอความช่วยเหลือจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รวมทั้งทางสภาทนายความ เพื่อให้เข้าช่วยเหลือในการต่อสู้คดี อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เคยมีฎีกาให้ดำเนินการต่อพนักงานสอบสวนที่ใช้ดุลพินิจไม่สมเหตุสมผล ซึ่งตนก็พิจารณาเตรียมฟ้องร้องพนักงานสอบสวนชุดนี้ด้วย” นายตุลย์กล่าว
ด้าน น.ส.อัจฉรากล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าตำรวจกองปราบปรามถึงกับต้องตั้งพนักงานสอบสวนเป็นรูปของคณะทำงานเพราะเหตุใด เพราะคดีดังกล่าวเป็นคดีความผิดส่วนบุคคล สังคม และประชาชน ไม่ได้ประโยชน์อะไร ตำรวจกองปราบฯ ควรไปทำคดีใหญ่ๆ ที่มีความสำคัญมากกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ลูกความตนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งให้พนักงานสอบสวนภายใน 30 วัน
ส่วน พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า คดีนี้เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง จึงต้องปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากมีการพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ โดยไม่มีการพิจารณาเรื่องการประกันตัว จากนั้นจึงนัดหมายมาให้ปากคำเพิ่มเติม ส่วนการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่คงขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานต่างๆ