ตร.คุมตัว 2 โจ๋ใช้มีดปาดคอชิงทรัพย์นักข่าวไทยโพสต์ ขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เกรงผู้ต้องหาก่อเหตุซ้ำ แม่ผู้ต้องหาฉุนช่างภาพถ่ายรูป โวยลั่น “จะซ้ำเติมกันไปถึงไหน เด็กมันไม่ได้ตั้งใจ”
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 14.00 น. ร.ต.ท.เรืองศักดิ์ เนื่องกิจ และ พ.ต.ท.เฉลียง อินทิพย์ พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน นำตัว นายปรีชา วารารัมย์ อายุ 19 ปี ภูมิลำเนา หมู่ 6 ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ และ นายศรัณ ชูนิ่ม อายุ 22 ปี ซึ่งมีรอยสักทั่วทั้งขาซ้าย-ขวา ภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่ 2 ต.บางขนุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี สองผู้ต้องหาคดีร่วมกันชิงทรัพย์ นายสุวัฒน์ ปัญจวงศ์ อายุ 29 ปี ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ มายื่นคำร้องฝากครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน
โดยระบุถึงพฤติการณ์ว่า เมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 18 มี.ค. 2556 ขณะที่ นายสุวัฒน์ ผู้เสียหาย กำลังคุยโทรศัพท์ในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 9 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ) แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม.ผู้ต้องหาทั้งสองได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ ทะเบียน อทม 804 กทม.มาถึงที่เกิดเหตุ จากนั้น นายศรัณ คนนั่งซ้อนท้าย ได้ลงจากรถจักรยานยนต์ เข้าไปหานายสุวัฒน์ทางด้านหลัง และพูดขู่ว่า “เอาเป๋าตังค์มา” พร้อมกับจับโทรศัพท์ของนายสุวัตน์ที่ถืออยู่ในมือขวา แต่ผู้เสียหายไม่ยอม และกำหมัดซ้ายเพื่อจะชกเพื่อป้องกันตัว นายศรัณจึงใช้มีดฟันที่ลำคอด้านซ้าย จนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ จนเซถอยหลัง จากนั้นนายศรัณ ได้เอาโทรศัพท์ดังกล่าวไป ขณะที่นายปรีชา ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งขับรถจักรยานยนต์ติดเครื่องยนต์ พูดว่า “ได้แล้วพอแล้ว” นายศรัณ จึงวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากนั้นนายสุวัฒน์ผู้บาดเจ็บจึงวิ่งไปหาเพื่อนชื่อนายอรรถพล ภูวัฒนานนท์ ซึ่งเป็นเพื่อนที่อยู่บริเวณที่เหตุ พร้อมกับบอกว่าถูกฟันเลือดไหลมาก ขณะเดียวกันก็มีรถแท็กซี่วิ่งผ่านมาพอดี นายสุวัฒน์ จึงเรียกให้ไปส่งที่โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4 เพื่อรักษาเบื้องต้น ก่อนส่งตัวผู้เสียหายไปรักษาต่อที่ รพ.ลาดพร้าว และบิดาของผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน และขออนุมัติหมายจับที่ 496,497/2556 ลงวันที่ 21 มี.ค. 2556 ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ และผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงแจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธมีด เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่า ได้สอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหามาตลอด แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 6 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือต้องหา จึงขอฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.- 2 เม.ย.นี้
อีกทั้งขอคัดค้านการให้ประกัน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษจำคุกสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าอาจจะหลบหนี หรือไปกระทำผิดซ้ำ อีกทั้งผู้ต้องหาที่ 2 ยังได้กระทำผิดคดีลักษณะเดียวกันนี้ ในท้องที่ สภ.บางใหญ่ และ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรีด้วย
ศาลพิจารณาคำร้องแล้วจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ พร้อมรอส่งตัวไปฝากขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำผู้ต้องหามาฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้มีแม่และญาติของผู้ต้องหา 4-5 คน มาคอยดูสถานการณ์ด้วย และเมื่อช่างภาพบอกให้ผู้ต้องหาเงยหน้าเพื่อที่จะบันทึกภาพ แม่ของผู้ต้องหาก็เกิดอาการไม่พอใจ ตะโกนโวยวายเสียงดังลั่น ว่า “จะซ้ำเติมลูกฉันไปถึงไหน” “เด็กมันไม่ได้ตั้งใจ”
ด้าน นายเชษฐ์ สุขสมเกษม รองเลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายที่แท้จริงมารับโทษตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว คลายความวิตกกังวลของสุจริตชน ที่หวั่นกลัวภัยอันตราย ซึ่งเกิดบนท้องถนนที่ใกล้ตัวและใจกลาง กทม.ผลการจับกุมครั้งนี้ จะนำความสงบสุขมายังพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง