กรมศุลฯ แถลงการจับกุม 3 ผู้ต้องหาขบวนการว่าจ้างหญิงไทยลักลอบขนโคเคนจากสิงคโปร์ เพื่อนำมาจำหน่ายในพื้นที่ กทม.โดยมีนายทุนชาวไนจีเรียอยู่เบื้องหลัง ก่อนถูกรวบคาท่าอากาศยานนานาชาติสมุย รับสารภาพทำมาแล้ว 3 ครั้ง พร้อมของกลางโคเคนมูลค่าร่วม 5 ล้าน
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่กรมศุลกากรคลองเตย นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร นายราฆพ ศรีศุภอรรถ รองอธิบดีด้านการปราบปราม นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.และเจ้าหน้าที่ บช.ปส.ร่วมแถลงการจับกุมขบวนการว่าจ้างหญิงไทยลักลอบนำเข้าโคเคน คือ น.ส.ศิริไทย ทองราช อายุ 26 ปี น.ส.สุมิตรา ศรีคำนวน อายุ 21 ปี และ Mr.Macdon Chiemeka Chukwunenye อายุ 30 ปี สัญชาติไนจีเรีย พร้อมของกลางโคเคน น้ำหนัก 1,240 กรัม มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท สามารถจับกุมตัว น.ส.ศิริไทย ได้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วน น.ส.สุมิตรา และ Mr.Macdon จับกุมได้บริเวณซอยอุดมสุข 39 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
นางเบญจา กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรงานสืบสวนปราบปราม ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ทำการสืบสวนและตรวจค้นตัว น.ส.ศิริไทย ซึ่งโดยสารเครื่องมาจากสิงคโปร์ โดยสายการบินซิลค์แอร์ วันที่ 27 มี.ค.เวลาประมาณ 09.45 น.ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พบวัตถุต้องสงสัยห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ จำนวน 3 ก้อน ซุกซ่อนอยู่ภายในเสื้อชั้นในและกางเกงใน ตรวจสอบพบว่าเป็นโคเคนดังกล่าว สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าบินเข้าออกจากสิงค์โปร์แล้ว จำนวน 3 ครั้ง และเตรียมนำไปส่งให้กับผู้ต้องหาอีกสองรายที่ กทม.ย่านซอยอุดมสุข 39 เจ้าหน้าที่จึงขยายผลจับกุมตัวได้ทั้งหมด
จากการสอบสวน น.ส.ศิริไทย ให้การรับสารภาพว่า กระทำการลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 3 ครั้ง โดยมีนายทุนเป็นชาวไนจีเรีย ว่าจ้างให้ขนยาเสพติดมาจากเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล เพื่อนำยาเสพติดมาส่งให้กับ น.ส.สุมิตรา และ Mr.Macdon ที่ซอยอุดมสุข 39 เพื่อให้ทั้งสองนำมาจำหน่ายในพื้นที่ กทม.ด้าน Mr.Macdon สัญชาติไนจีเรียซึ่งสามารถพูดภาษาไทยได้ รับว่าตนเป็นแฟนกับ น.ส.สุมิตรา ตนนั้นอาศัยอยู่เมืองไทยมากว่า 4 ปี โดยเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อยู่ย่านอ่อนนุช โดยอ้างว่าจำหน่ายโคเคนเพียงสองครั้งเท่านั้นกระทั่งมาถูกจับกุมได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคคาอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
