เจ้าพ่อการ์ตูนดิสนีย์สวมบทโหดสั่งปิดสตูดิโอ "ลูคัสอาร์ต" จบประวัติศาสตร์ยาวนาน 30 ปี ยกเลิกสองเกมจากซีรีย์ "สตาร์วอร์" ที่กำลังสร้างพร้อมปรับแผนใหม่เน้นขายลิขสิทธิ์ให้ค่ายภายนอกไปทำแทน
เมื่อเดือนตุลาคมปี 2012 ที่ผ่านมา ทางดิสนีย์ได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของบริษัทลูคัสฟิลม์ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลถึง 4.05 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 118,000 ล้านบาท) ทำให้พวกเขาได้ครอบครองลิขสิทธิ์ซีรีย์สงครามอวกาศสตาร์วอร์รวมถึงสตูดิโอเกม "ลูคัสอาร์ต" ที่อยู่ใต้สังกัดด้วย
หลังการเข้าซื้อกิจการ ทางสตูดิโอลูคัสอาร์ตก็ได้หยุดกิจกรรมและเลิกรับสมัครคนเพิ่มไปพักใหญ่จนมีข่าวลือในทางไม่ดีออกมา ซึ่งล่าสุดก็ยืนยันแล้วว่าจะปิดกิจการเลิกจ้างพนักงานประมาณ 150 ชีวิตและยกเลิกโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ทั้งหมด
ผลงานสองชิ้นใหญ่ที่ถูกผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ได้แก่ "Star Wars 1313" เกม HD ที่จะให้ผู้เล่นรับบทนักล่าค่าหัวออกผจญภัยในเมืองใต้ดินของดาว "คอรัสซัง" มีรูปแบบเป็นแนวยิงแอคชันเน้นการใช้อาวุธอุปกรณ์แบบคนธรรมดาแทนดาบแสงหรือพลังฟอร์ซที่ทำให้ซีรีย์นี้โด่งดัง ส่วนอีกเกมคือ "Star Wars: First Assault" แนว FPS เดินยิงเล่นหลายคนที่มีกำหนดลง Xbox360 แบบดาวน์โหลดผ่าน Live Aracde
แถลงการณ์จากดิสนีย์ระบุว่าพวกเขาต้องการเปลี่ยนแนวทางธุรกิจวีดีโอเกมจากการสร้างเองภายในเป็นการขายลิขสิทธิ์ให้เจ้าอื่นทำต่อ แต่พวกเขาก็ยังไม่สิ้นศรัทธาในวงการวีดีโอเกมซะทีเดียว โดยพร้อมจะให้ความร่วมมือกับค่ายภายนอกที่สนใจจะสร้างเกมสตาร์วอร์หรือแม้แต่ภาค 1313 ที่ยกเลิกไปก็อาจจะฟื้นมาทำต่อได้หากมีใครขอซื้อลิขสิทธิ์
"จอร์จ ลูคัส" ผู้ให้กำเนิดสตาร์วอร์ได้ก่อตั้งสตูดิโอเกมแห่งนี้ขึ้นมาในปี 1982 เพื่อขยายธุรกิจของเขาไปในแนวทางอื่นนอกจากภาพยนตร์ โดยมีผลงานเด่นยุคแรกเป็นแนวแอดเวนเจอร์ใส่คำสั่งผจญภัยแก้ไขปริศนาอย่างเช่นซีรีย์ Monkey Island และ Grim Fandango ก่อนจะหันมาทำเกมยิง อาร์พีจีและแอคชันตามสมัยนิยมในช่วงหลัง
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
Kotaku
Gamespot