xs
xsm
sm
md
lg

ศุลกากรรวบหญิงขนโคเคนเข้าไทยมูลค่า 23 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากรแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาลักลอบยขนโคเคนเข้าประเทศไทย
สมุทรปราการ - อธิบดีกรมศุลกากรแถลงจับกุมหญิงไทยขนโคเคน 7 กก. มูลค่า 23 ล้านบาท

เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 4 ก.พ. 2556 ที่ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากรประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร, นายราฆพ ศรีศุภอรรถ รองอธิบดีด้านปราบปราม, นายไพศาล ชื่นจิตร ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม, นายธาดา ชุมไชโย ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 3, นายธนิต วัฒน์ธนนันท์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1, นายวุฒิพงศ์ ท้าวฬา นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ รักษาราชการแทนนายด่านศุลกากรเกาะสมุย และเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม น.ส.ปวริศา ภูริพันธ์ อายุ 21 ปี ชาว จ.ลพบุรี พร้อมของกลางโคคาอีน หรือโคเคน น้ำหนักประมาณ 7,580 กรัม มูลค่าราว 23 ล้านบาท กำไลข้อมือทรงกลมหล่อด้วยเรซิน 24 ชิ้น กำไลข้อมือรูปทรงเรขาคณิต 12 ชิ้น แปรงสำหรับปัดแก้ม 48 ชิ้น และกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปรามสืบทราบว่าจะมีหญิงไทยลักลอบขนโคเคนเข้ามาในไทยผ่านทางท่าอากาศยานนานาชาติสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงประสานไปยังด่านศุลกากรเกาะสมุย ร่วมกันเฝ้าระวัง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พบ น.ส.ปวริศา ภูริพันธ์ ผู้โดยสารสายการบินซิลค์แอร์ เที่ยวบินที่ MI 772 เดินทางมาจากสิงคโปร์ ท่าทางมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นกระเป๋าเดินทางอย่างละเอียดก็พบวัตถุต้องสงสัยเป็นผงสีขาวบรรจุอยู่ภายในด้ามแปรงสำหรับปัดแก้ม และในกำไลข้อมือ จึงนำไปทดสอบน้ำยาทดสอบสารเสพติด ผลการทดสอบปรากฏว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน)

จากการสอบสวน น.ส.ปวริศาให้การรับสารภาพว่า ตอนนี้ไม่มีงานทำและมีญาติที่เป็นคนไทยที่อยู่ในประเทศโบลิเวียโทรศัพท์มาบอกให้พาหลานไปส่ง โดยออกค่าเครื่องบินแบบไป-กลับ และให้เงินจำนวน 10,000 บาทเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง พอถึงวันกลับญาติคนดังกล่าวก็ให้ถือกระเป๋าที่บรรจุโคเคนกลับมาส่งให้ชาวแอฟริกาที่กรุงเทพฯ และจะได้ค่าจ้างอีกส่วนหนึ่งเมื่อส่งของเรียบร้อย แต่ไม่ทราบว่าได้เงินจำนวนเท่าไหร่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น