อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวจับกุมสาวบุรีรัมย์ ลักลอบขนโคเคน มูลค่ากว่า 7 ล้าน 5 แสนบาท จากประเทศกาตาร์ เข้าไทย สารภาพอ้างถูกหนุ่มไนจีเรียหลอกจ้างขนกระเป๋าซุกยานรกเข้าไทยเที่ยวละ 7 หมื่นบาท ทำมาแล้ว 3 ครั้ง!
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2555 นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนปราบปราม 3 สำนักงานสืบสวนและปราบปราม 3 ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นางสาวนภสร ชินภัทดี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 13 ตำบลสองห้อง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เดินทางมาจากเมืองเซาเปาโล ประเทศกาตาร์ ผู้ต้องหานำยาเสพติดประเภทที่ 2 (โคคาอีน) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดโคคาอีน จำนวน 3 ถุง น้ำหนักรวม 2,300 กรัม มูลค่ากว่า 7 ล้าน 5 แสนบาท โดยจับกุมได้ที่ช่องไม่มีของต้องสำแดง (ช่องเขียว) ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าชั้น 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้สืบทราบมาว่า จะมีสาวไทยที่เดินทางมาจากเมืองเซาเปาโล ประเทศกาตาร์ จึงได้ทำการเฝ้าระวังจนกระทั่งในช่วงเที่ยงของวันนี้ ได้พบหญิงไทยที่เดินทางมาจากเมืองเซาเปาโล ด้วยสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR-616 มาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางจำนวน 3 ใบ เป็นกระเป๋าแบบลากจูง 1 ใบ กระเป๋าเป้สะพายหลังสีดำ จำนวน 2 ใบ ด้วยท่าทางมีพิรุธ ผ่านเข้ามาในช่องไม่มีของต้องสำแดง (ช่องเขียว) เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจสอบโดยนำเข้าเครื่องเอกซเรย์ ได้พบว่า ในกระเป๋าเป้สีดำทั้ง 2 ใบ และกระเป๋าลากจูง มีวัตถุต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ในแผ่นหลังของกระเป๋าเดินทางทั้ง 3 ใบ จึงได้ทำการตรวจสอบโดยละเอียด ได้พบว่า ภายในกระเป๋าทั้ง 3 ใบ มีการซุกซ่อนวัตถุต้องสงสัยเอาไว้ในถุงพลาสติกแบบรูดปิดขนาดใหญ่จำนวน 3 ใบ เป็นผงสีขาวขุ่น มีลักษณะคล้ายแป้งมัน จึงได้นำน้ำยาเคมีมาทำการตรวจสอบ พบว่า ผงแป้งดังกล่าวเป็นยาเสพติดชนิด โคคาอีน ซึ่งเป็นยาเสพติดประเภทที่ 2 น้ำหนักรวมทั้ง 3 ถุง จำนวน 2,300 กรัม มูลค่ากว่า 7 ล้าน 5 แสนบาท
จากการสอบสวน นางสาวนภสร ได้ให้การว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านพัทยา และได้รู้จักนักเที่ยวซึ่งเป็นชายชาวไนจีเรีย ได้ว่าจ้างให้ตนเดินทางไปที่เมืองเซาเปาโล ประเทศกาตาร์ เพื่อไปรับกระเป๋าที่ประเทศดังกล่าว โดยที่ตนได้ค่าจ้างครั้งละ 7 หมื่นบาท และเมื่อตนเดินทางไปถึงประเทศกาตาร์ ก็จะมีชายชาวไนจีเรีย โทรศัพท์มาหาตนให้ตนไปพบที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะส่งมอบกระเป๋าทั้ง 3 ใบ ให้ตนนำกลับมาที่ประเทศไทย และจะมีชายชาวไนจีเรีย ติดต่อ และมารับของเองที่สนามบิน โดยที่ตนทำมาแล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยที่ตนไม่ทราบเลยภายในกระเป๋าทั้ง 3 ใบ มียาเสพติดอยู่
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคคาอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด เพื่อทำการสอบสวนขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป