ศุลกากรแถลงจับกุมสาวใหญ่มาเลเซียลักลอบขนยาไอซ์ 4.8 กิโลกรัม มูลค่า 17 ล้านบาท คาอาคารผู้โดยสารขาเข้า สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้ต้องหาปฏิเสธอ้างไม่ทราบมียาเสพติดอยู่ภายในกระเป๋าสตรี
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.30 น. ที่ห้องประชุมสำนักสืบสวนและปราบปราม ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร, นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีด้านปราบปราม, นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม, นายธาดา ชุมไชโย ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 3, นายธนิต วัฒน์ธนนันท์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1, นายสดับ วัฒนเสถียร หัวหน้างานสืบสวนปราบปราม 1 ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ศุลกากรงานสืบสวนปราบปราม 1 ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นางนัวร์ ชาฮีดะห์ บินติ ออสมัน (MRS.NOOR SHAHIDAH BINTI OSMAN) อายุ 47 ปี ชาวมาเลเซีย พร้อมของกลางยาไอซ์จำนวน 4.8 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท กระเป๋าถือสตรี 11 ใบ และกระเป๋าเดินทางทรงอ่อนสีน้ำเงิน จำนวน 1 ใบ โดยจับกุมได้ขณะกำลังเดินอยู่ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวว่า ตามที่กรมศุลกากรมีนโยบายด้านการควบคุมทางศุลกากรและปกป้องสังคมอย่างเคร่งครัด จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักสืบสวนและปราบปรามประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดให้โทษกับผู้โดยสารที่เดินทาง เข้ามาในราชอาณาจักรทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กระทั่งเมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 6 มิถุนายน 2555 เจ้าหน้าที่ศุลกากรงานสืบสวนปราบปราม 1 ฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปราม ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้สืบสวนติดตามหญิงต่างชาติสัญชาติมาเลเซีย จะเดินทางมาจากทวีปแอฟริกา ตามข้อมูลที่ได้สืบทราบมา จนกระพบบุคคลตามที่รับแจ้ง จึงแสดงตัวตรวจค้นหญิงดังกล่าวทราบชื่อ นางนัวร์ ชาฮีดะห์ บินติ ออสมัน (MRS.NOOR SHAHIDAH BINTI OSMAN) อายุ 47 ปี ชาวมาเลเซีย เป็นผู้โดยสารของสายการบินเคนยา แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KQ 569 เดินทางมาจากเมืองโคโตนู ประเทศเบนิน และแวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองไนโรบี ประเทศเคนยา เที่ยวบินที่ KQ886 มาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยขณะตรวจค้นนั้น เจ้าหน้าที่พบอาการพิรุธ จึงได้ทำการตรวจค้นกระเป๋าเดินทางอย่างละเอียด พบวัตถุต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ในซองพลาสติกใสพันด้วยเทปกาว บริเวณด้านข้างของกระเป๋าถือสตรีทั้งสองข้าง รวมทั้งหมด 11 ใบ ซึ่งวางอยู่ในกระเป๋าเดินทางทรงอ่อนสีน้ำเงินรวมกับเสื้อผ้า จึงนำไปทดสอบด้วยน้ำยาทดสอบสารเสพติด ก็ปรากฏว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 4.8 กิโลกรัมมูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท
จากการสอบสวนนางนัวร์ ชาฮีดะห์ บินติ ออสมัน ให้การอ้างว่า เดินทางไปที่เมืองโคโตนู ประเทศ เบนิน นั้นเพื่อเสื้อกระเป๋าถือสตรีมาขายยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากมีอาชีพขายเครื่องประดับสตรี จำพวก กระเป๋า สร้อยคอ และไม่ทราบว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าดังกล่าว แต่จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า มีการเดินทางออกจากประเทศไทยไปยังเมืองไนโรบี ประเทศเคนยา และต่อเครื่องเมืองโคโตนู ประเทศเบนิน ก่อนจะซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับทันที ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะเดินทางไปรับของที่เมืองดังกล่าวจากเอเยนต์และนำกลับมาขายในภูมิภาคเอเชีย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป