รวบเครือข่ายค้ายาเสพติดภาคเหนือ ได้ผู้ต้องหา 12 ราย พร้อมยึดของกลางล็อตใหญ่มูลค่าร่วม 600 ล้าน! ก่อนลักลอบสู่ประเทศที่ 3 ต่อไป
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 26 มี.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล สตช. พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดภาคเหนือ ได้ผู้ต้องหาจำนวน 12 ราย ประกอบด้วย 1. นายวิโรจน์ ทิพย์ปิ่นทอง อายุ 37 ปี 2. นายอุดมพงษ์ เกษตรกุลทรัพย์ อายุ 29 ปี 3. นายปราโมทย์ ยังชีพสุจริต อายุ 22 ปี 4. นายประพันธ์ เกษตรกุลทรัพย์ อายุ 26 ปี 5. นายประเสริฐ แซ่ย่าง อายุ 28 ปี 6. นายธงชานิ พันธุ์ภัครนทร์ อายุ 45 ปี 7. นายจะบ๊ะ จะหวะ อายุ 30 ปี 8. นายจะจึ อินตาพรหมอายุ 24 ปี 9. นายจะหา ไอ่สี อายุ 44 ปี 10. นายมอลอ ละต่อ อายุ 24 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ 11. นายอาสยา เลาลี อายุ 40 ปี และ 12. นายนวพล คงธรรมบวร อายุ 25 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมยึดของกลาง เฮโรอีน 120 แท่งหนัก 42 กก. ยาไอซ์ 38 กก. มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท
คดีแรกทาง พล.ต.อ.สมยศ และ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ ได้รับการประสานจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่ปรึกษา บช.ปส.ว่าจะมีขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยชนเขาเผ่ามูเซอจากแนวชายแดนด้านบ้านหนองอุก-อรุโณทัย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มาส่งให้กับชนเขาเผ่าม้งที่ อ.แม่ริม ที่รอรับอยู่เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ชั้นใน โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามพฤติกรรมและวางแผนเข้าสกัดจับ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.เวลา 08.00 น. พบรถยนต์กระบะโตโยต้า สีเขียว ทะเบียน บท 6789 ลำพูน และรถยนต์กระบะอีซูซุ ทะเบียน บพ 69 ลำพูน ซึ่งบรรทุกจักรยานยนต์มา 2 คัน นอกจากนี้ยังพบรถกระบะเชฟโรเลต สีดำ ทะเบียน ผพ 5577 เชียงใหม่ พร้อมคนในรถจำนวนมากท่าทางมีพิรุธจึงได้สะกดรอยตาม
กระทั่งเวลา 01.00 น.ของวันที่ 25 มี.ค. รถยนต์เลขทะเบียน บพ 69 ลำพูน ขับมาจากบ้านหนองอุก-อรุโณทัย มุ่งหน้า อ.เชียงดาว โดยมีจักรยานยนต์นำทาง 2 คัน ส่วนรถหมายเลขทะเบียน ผพ 5577 เชียงใหม่ ได้บรรทุกผู้ต้องหาจำนวน 5 คน ออกจากบ้านหนองอุก-อรุโณทัย มุ่งหน้าไป อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยตาม ก่อนทำการเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจับกุมได้ที่บริเวณสามแยกเมืองงาย ส่วนกำลังอีกชุดจับกุมได้ที่สามแยกโรงเรียนสินชัย ดอยอ่างข่าง ก่อนขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาชาวเขาเผ่าลีซอ พร้อมรถยนต์ได้ที่ถนนแม่โจ้-สันทราย จึงยึดของกลางทั้งหมดพรัอมควบคุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ต.สุรพลกล่าวอีกว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการสนธิกำลังหลายฝ่าย โดยขยายผลจากการจับกุมเฮโลอีนที่ลักลอบส่งให้ชาวมาเลเซียว่าจะมีการลำเลียงจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ชาวเขาเผ่าต่างๆ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะมีการขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องชาวจีนฮ่อที่อยู่เบื้องหลังคอยบงการ รวมทั้งติดตามเส้นทางการเงินเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป
ส่วนอีกคดีทาง พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช ผกก.2 บก.ปส.1 พร้อมกำลังเข้าจับกุมตัวน.ส.พรพิมล หรือทิพย์ จอดนอก อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224-225 ม.4 ต.ภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น พร้อมของกลางโคเคนชนิดผงสีขาวขุ่นห่อด้วยกระดาษพันรอบด้วยเทปใส เป็นก้อนยาว 14 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 ซม. น้ำหนัก 214 กรัม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นยาเสพติดดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ในอวัยวะเพศ และโคเคนห่อหุ้มด้วยกระดาษพันรอบด้วยเทปใส เป็นก้อนยาว 4.5 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 ซม. น้ำหนัก 217.49 กรัม ซึ่งได้จากการขับถ่ายทางทวารหนัก โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่สนามบินดอนเมือง เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศสิงคโปร์เข้ามาในประเทศไทยทางเครื่องบิน โดยสารการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD2938 ลงจอดที่สนามบินดอนเมืองเวลา 16.28 น.เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าจับกุม โดยวางกำลังไว้รอบริเวณช่องทางขาเข้าและพบผู้ต้องหามีรูปพรรณสัณฐานตรงกับที่สายรายงาน จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม จากการสอบถามผู้ต้องหายอมรับว่าได้กลืนยาเสพติดลงไปในท้องจำนวน 60 ก้อน และซุกซ่อนไว้ในอวัยวะเพศอีกส่วนหนึ่ง โดยได้รับการว่าจ้างจากนายเจมส์ เดวิด หรือมิกกี้ ชาวแอฟริกันผิวดำ ได้ค่าจ้าง 30,000 บาท ให้ขนยาเสพติดดังกล่าวเข้าประเทศไทย โดยเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยแล้วนายเจมส์ จะโทรศัพท์แจ้งให้ตนทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัว น.ส.พรพิพล ส่ง รพ.ตำรวจ เพื่อทำการขับถ่ายยาเสพติดที่กลืนเข้าไป พร้อมตรวจสอบว่ามียาเสพติดหลงเหลือในร่างกายอีกหรือไม่ ขณะเดียวกันได้ขยายผลจนสืบทราบว่า น.ส.วิภาวรรณ หรือวิ แสนสีมน เป็นผู้ลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวมาจากประเทศบราซิล โดยใช้วิธีกลืนลงท้อง ก่อนนำมาส่งต่อให้ น.ส.พรพิมล ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวเข้าประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ น.ส.วิภาวรรณเรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า อยากฝากเตือนหญิงสาวชาวไทยอาจถูกกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดชาวแอฟริกันหลอกลวงให้ขนยาเสพติด โดยอ้างว่าเป็นการขนเพชรเถื่อน บางรายอาจถูกชักชวนให้ไปทำงานที่ประเทศในภูมิภาคแอฟริกา แต่กลับถูกบังคับให้ขนยาเสพติด ขณะที่บางรายก็อยู่ในสภาวะจำยอม ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ก็ถูกหลอกว่าเป็นการขนเพชรเถื่อนจึงตกลงทำโดยไม่รู้ว่าเป็นยาเสพติด