รองนายกฯ-ผบ.ตร.พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แถลงผลจับกุมเอเยนต์ค้ายาบ้า 4 คดีรวด ยึดของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 136 กก. โดยลำเลียงมาจากจังหวัดทางภาคเหนือเข้าสู่เมืองกรุง เผยมีเทคนิคตบตาเจ้าหน้าที่หลากหลายวิธี
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. นายณรงค์ รัตนานุกูล รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสมโภชน์ เขียวชอุ่ม อายุ 31 ปี ชาว จ.เชียงราย, นายปวริศ หรือพงษ์พันธ์ วิญญูสิงขร อายุ 42 ปี ชาวเขาเผ่าลีซอ ชาวจ.เชียงราย, นายนิกร แซ่หลี่ อายุ 49 ปี ชาวจีนฮ่อ ชาว จ.เชียงใหม่ และนายธนกร ตรวงไตร่ตรอง อาย 47 ปี ชาวจีนฮ่อ ชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้า 970,000 เม็ด รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่สีขาว ทะเบียน 70-5246 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีแดง ทะเบียน บร-629 เชียงใหม่ 1 คัน รถเก๋งยี่ห้อนิสสัน มาร์ช สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ขต-9014 เชียงใหม่ 1 คัน จักรยานยนต์ยามาฮ่า สปีด ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง โดยจับกุมได้บนถนนสายงาว-สอง กม.ที่ 60-61 ม.5 ต.บ้านโป่ง อ.งาว จ.ลำปาง
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส.ได้รับการประสานจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่ปรึกษา บช.ปส.ว่าได้รับแจ้งสายลับระบุ ว่า มีกลุ่มชาวจีนฮ่อ บ้านใหม่หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ว่าจ้างชาวเขาเผ่าลีซอ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย นำรถบรรทุก 6 ล้อ ไปลำเลียงยาเสพติดจาก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ไปส่งยังพื้นที่ กทม.และปริมณฑล จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส.และเจ้าหน้าที่ศูนย์สกัดกั้นยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกสืบสวนจับกุม กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พบเห็นบรรทุก 6 ล้อ ตรงกับที่สายรายงานวิ่งมาตามถนนสาย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มุ่งหน้า อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ โดยมีรถกระบะอีซูซุซึ่งมีนายขับนำมา ซึ่งรถทั้ง 2 คัน มาจอดที่บริเวณถนนโชตนา ใกล้กับสามแยกบ่อน้ำมันฝาง ต.หนองยาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ โดยมีรถเก๋งนิสสันมาร์ช มีนายนิกรเป็นคนขับ และจักรยานยนต์ยามาฮ่า สปีด มีนายธนกร เป็นคนขับขี่ มาจอดรออยู่ ก่อนที่ทั้งหมดจะไปซื้อปูนซีเมนต์ที่ร้านติลาค้าวัสดุก่อสร้าง เพื่อนำมาใส่ไว้บนกระบะรถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อใช้ตบตาเจ้าหน้าที่
จากนั้นนายธนกรได้ขับขี่จักรยานยนต์นำหน้ารถบรรทุก 6 ล้อไปรับยาเสพติดที่สวนลิ้นจี่แห่งหนึ่ง บ้านหนองไผ่ หมู่ที่ 15 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ โดยใช้เวลา 1 ชม.จึงกลับออกมา โดยนายปวริศ นายนิกร และนายธนกรได้ไปดื่มสุราที่หนองน้ำสาธารณะบ้านหนองมุ่น อ.ฝาง ขณะที่นายสมโภชน์ได้ขับรถบรรทุก 6 ล้อ ออกเพื่อนำยาเสพติดมาส่งในพื้นที่ กทม.เมื่อมาถึงถนนสาย อ.งาว จ.ลำปาง-อ.สอง จ.แพร่ กม.60-61 เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนในช่องลับซึ่งดัดแปลงเป็นที่ซุกซ่อนยาเสพติด บริเวณผนังด้านหน้าและด้านข้างของกระบะบรรทุกของรถบรรทุก 6 ล้อ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดี
คดีที่ 2 ตำรวจ บช.ปส.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ตรวจยึดยาบ้า 2,120,000 เม็ด ยาไอซ์ 136 กก. หลังจากเมื่อเวลา 21 ก.พ. เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดแนวชายแดน อ.แม่สาย-แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เข้าสู้พื้นที่ตอนในของประเทศ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา สั่งการให้ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส. เจ้าหน้าที่ บก.ปส.3 และบก.ปส.1 ประสานกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ออกสืบสวนจับกุม ก่อนพบว่ากลุ่มผู้ลำเลียงได้ลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย แล้ว แต่ไม่พบการขนส่งยาเสพติดผ่านด่านตรวจแม่จันในเส้นทางหลัก และเส้นทางรองอื่นๆ จึงเชื่อว่ากลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดน่าจะนำยาเสพติดไปซุกซ่อนไว้
กระทั่งเวลา 09.00 น.วันที่ 22 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตรวจพบกระเป๋าสะพายสีเขียว จำนวน 18 ใบ วางซุกซ่อนในกอกล้วย ถ.ริมคลองสาธารณะซึ่งอยู่ติดกับลำเหมือง บ้านแม่เฟือง ม.5 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ก่อนถึงด่านตรวจแม่จันประมาณ 3 กม. จึงเชื่อว่าเป็นยาบ้าของกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดที่ซุกซ่อนไว้เพื่อหลบหนีการตรวจค้นของชุดปฏิบัติการ และคาดว่ากลุ่มผู้ลำเลียงจะกลับมานำยาเสพติดดังกล่าวในภายหลัง เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังซุ่มสังเกตการณ์ แต่ระหว่างนั้นได้มีชาวบ้านผ่านมาพบและเริ่มมีการพูดต่อกันไป เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดกระเป๋าดังกล่าวมาตรวจนับที่หน่วย ปส.เชียงราย
คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ บก.ปส.3 ทำการจับกุมนายเจษฎา อุดม อายุ 38 ปี นายมนัส กล่อมดี อายุ 28 ปี, นายณัฐ์ธเนศ ธนะวิสิฐ์ธาดา อายุ 28 ปี, น.ส.จุฑาทิพย์ วงศ์ประชา อายุ 23 ปี, นายพรชัย กระวินยวง อายุ 35 ปี, นายศักดิ์นรินทร์ ศรีวารี อายุ 23 ปี, น.ส.ดลพร สายสุวรรณ อายุ 22 ปี, นายสมมาตร นิติวงษ์เจริญ อายุ 27 ปี, นายสุจิตร นุ้ยบรรพต อายุ 38 ปี และนายจักรกฤษณ์ พลแก้ว อายุ 20 ปี พร้อมของกลางยาบ้ารวมจำนวน 220,000 เม็ด รถยนต์ 3 คัน และจักรยานยนต์ 5 คัน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดนำยาบ้ามาจำหน่ายให้กับผู้ค้ารายกลางและรายย่อยในพื้นที่ชุมชน อ.เมือง และ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และพื้นที่ใกล้เคียง และเปิดห้องเช่าไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่บริเวณชั้นที่ 2 ของอาคารเลขที่ 21/26 หมู่ 9 ต.โคกขาม อ.เมือง เป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติด จึงทำการเฝ้าติดตามพฤติการณ์และเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบนายเจษฎา เดินออกมาจากอาคารพร้อมกระเป๋าสะพายท่าทางมีพิรุธ จึงทำการเข้าตรวจค้นพบยาบ้าจำนวนหนึ่ง จากนั้นได้ขยายผลตรวจค้นห้องพักดังกล่าวพบยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง รวมของกลางทั้งสิ้น 220,000 เม็ด พร้อมขยายผลจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจะนำยาบ้าไปจำหน่ายให้กับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และพื้นที่ใกล้เคียง แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
คดีที่ 4 เจ้าหน้าที่ บช.ปส.ร่วมกับ ตำรวจ ภ.จว.เชียงราย ทำการจับกุมนาย อานันต์ แซลี อายุ 29 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1,948,000 เม็ด และรถกระบะอีซูซุ รุ่นวีครอส สีเทา ทะเบียน บห 2492 เชียงราย โดยจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. หมู่ 2 ต.ห้วยไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่วางแผนจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยจัดกำลังแอบซุ่มบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งพบผู้ต้องหาขับรถคันดังกล่าวซึ่งตรงกับที่สายลับแจ้ง จึงทำการขอเข้าตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกระสอบปุ๋ยและเป้สนาม วางอยู่ในช่องโดยสารด้านหลังคนขับ (ช่องแค็บ) จึงทำการจับกุมตัว สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ยาบ้าที่จับได้ครั้งนี้จะถูกนำไปตรวจเพื่อดูส่วนผสมว่าใกล้เคียงกับผู้ผลิตกลุ่มไหนบ้าง โดยตราสัญลักษณ์ลูกท้อบนห่อยาบ้าที่จับได้ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเครือข่ายใหม่ เป็นของผู้ผลิตกลุ่มเดิมที่พิมพ์ตราสัญลักษณ์ขึ้นมาใหม่เท่านั้น ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ของ ป.ป.ส.พบว่าคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีความต้องการยาบ้ามากถึง 60-100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการแก้ปัญหาทาง ผบ.ตร.ได้ยึนยันว่ามาตรการเน้นการบำบัดที่ทำดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้ผู้ค้าและผู้ผลิตมีโทษประหารชีวิต
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า มาตรการสกัดจับยาบ้าของตำรวจ ทำให้การขนส่งยาไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นกลุ่มผู้ขนยาจึงได้เปลี่ยนวิธีการขนใหม่เรื่อยๆ โดยล่าสุดใช้นำยาบ้าขึ้นรถทัวร์มาส่งให้ลูกค้า แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับได้ ถือว่ามาตรการสกัดจับเป็นการกดดันอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านนายณรงค์กล่าวว่า สองเดือนที่ผ่านมาสามารถจับยาบ้าได้หลายครั้ง และแต่ละครั้งได้ยาบ้าเกินล้านเม็ด ซึ่ง ป.ป.ส.ได้วิเคราะห์ผลการจับกุมดังกล่าวพบว่าปริมาณความต้องการยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น และประเทศในอาเซียนใกล้เข้าสู่ประชาคมเขตเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้กลุ่มผู้ผลิตทุ่มผลิตยาบ้าเพื่อระดมทุนต่อยอดทำธุรกิจอื่น แต่เมื่อถูกจับกุมมากขึ้นก็ต้องยิ่งผลิตเพิ่มเพื่อชดเชยกับยาที่ถูกยึดไป ซึ่งมาตรการของ ป.ป.ส.ได้ตั้งด่านสกัดกั้นเป็นหลัก และได้ประสานข้อมูลกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงอเมริกาด้วย เพราะยาบ้าไม่ได้เข้าสู่ประเทศไทยอย่างเดียว แต่ถูกส่งต่อไปทั่วโลก