หนุ่มแย่งซีส เจ้าหน้าที่ F.A.O ก่อนเป็นเหตุติดคุกหัวโต ศาลพิพากษาจำคุก หนุ่มอุบลฯ 16ปี 8เดือน กรณีแย่งถุงชีสแล้วผลักคู่กรณีให้รถเมล์สาย 64 ทับหัวดับสยองบนนถนนพระอาทิตย์
ที่ห้องพิจารณา 915 ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (21 มี.ค.) ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำที่ อ.3509 / 2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายประดิษฐ์ พิลาสันต์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 ม.1 ต.ป่าโมง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี เป็นจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าชิงทรัพย์ผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2555 เวลาประมาณ 07.20 น. ขณะที่ นายสุรเชษฐ์ สีลตจิตร กำลังจะข้ามถนนเพื่อเข้าที่ทำงานสำนักงานองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (F.A.O.) จำเลยได้เข้าไปแย่งถุงใส่ชีส (เนยแข็ง) จำนวน 2 ก้อน แต่นายสุรเชษฐ์ไม่ยอมจนเกิดการยื้อแย่งกัน จำเลยจึงผลักผู้ตายเซเสียหลักล้มลงบนถนน ก่อนถูกรถประจำทางสาย 64 ทะเบียน 6412 - 25 วิ่งระหว่างท่าน้ำนนท์ฯ - สนามหลวง ล้อหลังทับศรีษะนายสุรเชษฐ์ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบนถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์เบิกความว่า เห็นจำเลยยื้อแย่งถุงใส่ชีสจากมือผู้ตาย และใช้มือผลักหลังผู้ตายจนล้มลงก่อนถูกรถประจำทางทับที่ศรีษะ ซึ่งล้วนสอดคล้อง และไม่ปรากฏว่า พยานโจทก์เคยมีสาเหตุโกรธเคืองที่จะปรักปรำใส่ร้ายจำเลยมาก่อน รวมทั้งผลการตรวจสภาพจิต จากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ระบุว่า จำเลยไม่มีอาการจิตบกพร่องหรือจิตฟั่นเฟือน ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยรู้สึกตัวถึงการกระทำของตนเองว่าเป็นความผิด
พิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 80 จำคุกจำเลย 33 ปี 4 เดือน แต่คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 16 ปี 8 เดือน
