“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรี ปัดไกล่เกลี่ย “ตู่ จตุพร” ระบุข้อกล่าวหารุนแรงเกินกว่าจะรับได้ ศาลจึงได้ทำการสืบพยานจำเลยตามเดิม
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังผลการไกล่เกลี่ยคดีหมายเลขดำ ที่ อ.4176/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 และ 17 ต.ค. 2552 นายจตุพรได้ปราศรัยต่อกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงและที่ชมการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนเนล ว่าโจทก์เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็น สร้างสถานการณ์ความรุนแรงเพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง ทำให้ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เหตุเกิดที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กทม. และหน้าทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก แขวงดุสิต เขตดุสิต กทม. ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาทั้งสองฝ่ายพร้อมทนายความได้แถลงต่อศาลว่า โจทก์และจำเลยได้เจรจากันแล้วแต่ก็ไม่สามารถไกล่เกลี่ยยอมความกันได้ ศาลจึงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป โดยให้สืบพยานนายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเป็นจำเลยตามที่นัดไว้แล้ว
ภายหลังนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ เนื่องจากนายจตุพรเสนอที่จะถอนคำพูดในลักษณะเดียวกับการประชุมสภา แต่สำหรับตนคิดว่าคำพูดของนายจตุพรร้ายแรงเกินกว่าที่จะยอมรับได้ คดีจึงต้องกลับเข้าสู่กระบวนพิจารณา โดยสืบพยานจำเลย ซึ่ง นายจตุพรได้ขึ้นเบิกความปากสุดท้าย
โดย นายจตุพร ได้เบิกความ เพื่อตอบคำถาม ของนาย วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลย นานกว่า 4 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่ได้ตอบการซักค้านของ นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความของนายอภิสิทธิ์ ศาลจึงเห็นควรให้นายจตุพรไปตอบการซักค้านของทนายความโจทก์ ในวันที่ 3 มิ.ย. นี้ เวลา 09.00 น.