xs
xsm
sm
md
lg

อำมหิตฆ่าข่มขืน “น้องน้ำหวาน” แห่ศพประจาน “ปู-รัฐ ตร.” เหลว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 น.ส.อาภัสรา โตเดช น้องน้ำหวาน
โดยผู้กองตั้ง

สะเทือนขวัญกันทั้งเมืองกรุง ไม่น่าเชื่อกับเหตุการณ์ไอ้หื่นฆ่าข่มขืน “น้องน้ำหวาน” หมกกลางป่า ภายในซอยโพธิ์แก้ว 3 ย่านบางกะปิ อย่างทารุณโหดเหี้ยม ทั้งที่อยู่ในซอยใกล้เคียงกับบ้าน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เพียงแค่คืบ จนนายกฯ ต้องเรียก “คำรณวิทย์” บิ๊กนครบาลเข้าชี้แจง พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่อย่าให้เหตุการณ์ร้ายและนำศพแห่ประจานเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

สภาพศพของเหยื่อสาววัย 20 ปี ถูกทุบจนหน้ามีแผลเต็มร่างกาย และมีร่องรอยถูกบีบคอ ขณะที่มือข้างขวาผู้ตายกำหญ้าไว้จนแน่น แสดงให้เห็นถึงความอำมหิตของฆาตกร แม้วันนี้จะจับฆาตกรได้แล้ว ซึ่งเป็นแค่คนขับวินจักรยานยนต์รับจ้าง แต่ประวัติผู้ต้องหารายนี้สุดชั่ว สารภาพก่อคดีข่มขืนมาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ที่รอดมาเงื้อมมือกฎหมายมาได้ เพราะผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ

จนญาติและชาวบ้านที่ทราบข่าวเหตุสลดใจในคดีนี้ พร้อมใจกันตบหน้านายกปูฯ และรัฐตำรวจ ด้วยการแห่ประจานศพถึงหน้าบ้านนายกฯ เพื่อสะท้อนให้ว่าความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในยุค “นายกฯปู-รัฐตำรวจ” พึ่งไม่ได้อีกต่อไป

คดีนี้แม้ชุดสืบสวนจะใช้เวลาแกะรอยเพียง 5 วัน เริ่มตั้งแต่ 4 ก.พ. ที่ สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุมีหญิงถูกฆ่าตายในป่าหญ้าในซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 13 แขวง ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นซอยเปลี่ยวและเป็นถนนลูกรัง สองข้างทางมีแคมป์พักคนงานก่อสร้างจำนวนมากและมีป่าหญ้ารกร้าง เข้าไปประมาณ 500 เมตร พบศพผู้หญิงไทยไม่ทราบชื่อ รูปร่างท้วม ผิวดำแดง สูงประมาณ 160 เซนติเมตร อายุประมาณ 20-25 ปี ลำตัวท่อนบนอยู่ในป่าหญ้า ส่วนท่อนล่างโผล่ออกมาอยู่บนถนน สภาพนอนหงายเปลือยท่อนล่าง ที่หน้าผากและดั้งจมูกมีลักษณะคล้ายถูกของแข็งตีจนหักและเป็นแผลลึก ที่ลำคอมีรอยถูกบีบ หน้าอกมีรอยรองเท้า น่องข้างซ้ายมีรอยเหมือนถูกท่อไอเสียรถเป็นทางยาว ที่ขาและที่เท้าทั้งสองข้างยังเป็นรอยถลอกลักษณะถูกลาก ที่อวัยวะเพศมีร่องรอยถูกข่มขืน และที่มือข้างขวาผู้ตายกำหญ้าไว้จนแน่น นอกจากนี้ ที่ด้านหลังข้างขวาของผู้ตายยังมีรอยสักเป็นรูปผู้หญิง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว เสื้อชั้นในสีขาวมีรูปหัวใจและสมอเรือ ไม่สวมกางเกง มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนเต็มตัว

ในเบื้องต้น ชุดสืบสวนคลำเป้าจากสภาพศพพบที่มีรอยสักยันต์เป็นรูปผู้หญิงเปลือยที่หลัง คาดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงตามร้านคาราโอเกะ หรือเด็กนักท่องเที่ยวยามราตรี จนทราบว่าทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมา คือ น.ส.อาภัสรา โตเดช น้องน้ำหวาน อายุ 20 ปี ชาว ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยผู้ตายได้พักอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มที่ย่านลาดพร้าว ซึ่งผู้ตายไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร มีเพียงแต่แฟนหนุ่มของผู้ตายเท่านั้นที่ทำงานอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าฟู้ดแลนด์ สาขาลาดพร้าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการเชิญแฟนหนุ่มของผู้ตายมาสอบสวนแต่ก็ไม่พบพิรุธจึงได้ปล่อยตัวไป

ชุดสืบสวนจึงหันไปแกะรอยจากภาพถ่ายของผู้ตาย ลักษณะเสื้อผ้าและรอยสัก และกล้องวงจรปิดในละแวกที่พัก จนทราบว่าผู้ตายได้ขึ้นรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน อธป 340 กทม.ของหนุ่มขับขี่วินมอเตอร์ไซค์ และหลังเกิดเหตุได้นำโทรศัพท์ไอโฟน 4 ของผู้ตายไปขายที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์ในซอยวัดเทพลีลา

จากนั้นจึงได้แกะรอยไปยังบ้านยาย และมารดาของผู้ต้องสงสัยในละแวกใกล้จุดเกิดเหตุ จนพบเสื้อผ้าของนายสุทธี หรือแหวน บุญพรม อายุ 23 ปี ที่ใช้ในวันก่อเหตุ และยังตรวจค้นบริเวณรอบบ้านพักได้พบกางเกงชั้นในของผู้ตายจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน แต่ขณะนั้นผู้ต้องหาหลบหนีไปกบดานยังจังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นภูมิลำเนาบ้านเกิดของทางญาติ เจ้าหน้าที่จึงตามไปจับกุมได้บริเวณดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2556 เวลประมาณ 18.00 น. และควบคุมตัวมาสอบสวน

จากการสอบสวนนายสุทธีให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพขับวินจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ที่ซอยแฮปปี้แลนด์สาย 1 ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2556 เวลาประมาณ 03.00 น. ขณะที่ตนขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างเข้ามาในซอยลาดพร้าว 101 ผู้ตายได้เรียกให้ไปส่งที่ร้าน 7-11 เพื่อซื้อบัตรเติมเงินแล้วให้กลับไปส่งที่บ้านพักในซอยดังกล่าว แต่ขณะนั้นตนได้ดื่มเบียร์มาก่อนจนเกิดอาการมึนเมาได้เกิดอารมณ์ทางเพศ จึงพาผู้ตายไปในที่เปลี่ยวภายในซอยโรงเรียนอนุบาลราชพงษา และตนได้ถอดเสื้อวินจักรยานยนต์เบอร์ 60 เก็บไว้ในช่องเก็บของในรถ บังคับขอมีเพศสัมพันธ์แต่ผู้ตายเกิดขัดขืนจึงได้ทำร้ายจนสลบ จากนั้นนำตัวผู้ตายนั่งด้านหน้าจักรยานยนต์ โดยตนเองคร่อมด้านหลังพาขับขี่มาถึงพงหญ้าที่เกิดเหตุ แต่ผู้ตายเกิดรู้สึกตัวขึ้นมา ตนจึงขอมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง แต่ผู้ตายก็ยังขัดขืนจึงได้ชกท้อง พร้อมเตะและกระทืบ รวมทั้งจับศีรษะผู้ตายโขกกับเนินหินจนผู้ตายสลบแล้วทำการข่มขืนผู้ตายจนสำเร็จความใคร่และหลบหนีไป แต่ที่ลงมือกระทำไปเพราะเมาแต่ไม่ได้เสพยาเสพติด กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว

นอกจากนี้ยังรับสารภาพอีกว่า เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว 4 ครั้ง คือ ครั้งแรกเมื่อประมาณเดือน ก.ย. 2555 ร่วมกับนายอนุชา หรือโอ๊ด ฉุดผู้หญิงจากร้านสภาดิน โดยใช้จักรยานยนต์จี้บังคับขึ้นรถพามาที่ป่าข้างสนามฟุตบอลอ่อนคุ้ม ซ.โยธินพัฒนา 3 แยก 8 นายโอ๊ดเป็นคนลงมือข่มขืน แต่ตนนั้นไม่ได้ร่วมข่มขืน ครั้งที่ 2 เมื่อประมาณเดือน ต.ค. 2555 ขับรถมาที่ซอยลาดพร้าว 101 พบผู้หญิงขับขี่จักรยานยนต์ไปปากซอยโพธิ์แก้ว บอกให้หยุดแล้วพาผู้หญิงไปข่มขืนที่ซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 13 ต่อมาครั้งที่ 3 เมื่อประมาณสิ้นเดือน พ.ย. 2555 ร่วมกับนายโอ๊ด พาหญิงสาวชื่อมิลด์ หรือมาย จากร้านณัฐคาราโอเกะ ยืมรถเก๋งของนายต่อซึ่งเป็นเพื่อนอยู่ที่ จ.ปทุมธานี พาไปที่ม่านรูดโดยหญิงสาวยินยอม และครั้งล่าสุดเมื่อประมาณกลางเดือน ม.ค. 2556 ได้ขี่จักรยานยนต์รับจ้างไปพบหญิงสาวให้ไปส่งที่ปากซอยลาดพร้าว 101 แต่ได้พาไปที่ซอยโรงเรียนอนุบาลราชพงษา แล้วลวนลามแต่ผู้หญิงหลบหนีขึ้นแท็กซี่ไปได้

จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เคยถูกจับคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายเมื่อยังเป็นเยาวชนมาก่อน และมีภรรยามา 4 คน โดยคนแรกหนีไป คนที่ 2 กินยาฆ่าตัวตาย คนที่ 3 ติดคุกข้อหายาเสพติด และคนปัจจุบันที่เดินทางมาในวันนี้สันนิษฐานว่าภรรยาผู้ต้องหาอาจทนพฤติกรรมนิสัยส่วนตัวไม่ได้

ด้านนางบังเอิญ บัวทอง อายุ 49 ปี มารดา น.ส.อาภัสรา กล่าวว่า ตนกับน้ำหวานปกติไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน ตนพักอยู่ที่ซอยวัดด่านสำโรง 20 จ.สมุทรปราการ มีอาชีพนวดแผนโบราณ ส่วนน้ำหวานจะพักอยู่ลาดพร้าวซอย 101 กับแฟนหนุ่ม เมื่อทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เดินทางไปดูศพที่นิติเวชฯ ตำรวจได้นำภาพถ่ายศพในที่เกิดเหตุมาให้ตนดู แม้ไม่เหลือเค้าโครงเดิมแต่จำได้ว่าเป็นลูก เจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกอีกว่ามีรอยสักด้านหลังด้วย ตนเถียงเลยว่าไม่มีเพราะไม่ทราบว่าไปสักมา เพิ่งมารู้ภายหลังว่าแอบสักมาเมื่อเดือนธันวาคม ยังลงสีไม่เสร็จด้วยซ้ำ ทั้งนี้มีลางบอกเหตุประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนจะเสียชีวิต น้องมาหาที่บ้านเอาหมอนมาวางแล้วเอาพวงมาลัยมาไหว้ข้างๆ ตนยังพูดติดตลกกลับไปเลยว่า “มาลาตายเหรอไง ทำเป็นละครแรงเงาไปได้”

จนมาทราบข่าวว่าลูกเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ก็สภาพจิตใจเริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าเจอตัวฆาตกรจะถามมันทำไมต้องฆ่าลูกตนด้วย ถ้าน้ำหวานไม่ฟื้นขึ้นมาก็คงไม่ตาย มันยังจะเอาหัวทุบให้ตายอีก เรื่องส่วนตัวมักจะไม่ค่อยเล่าให้แม่ฟัง เรื่องแฟนก็ไม่เคยเล่าจนมามีครอบครัวอยู่กินกันมา 3 ปี น้ำหวานก็ไม่ได้ทำงาน อยู่บ้านเฉยๆ สิ่งที่ตนได้เรียกร้องก่อนเผาคืออยากให้ฆาตกรมาขอขมาศพน้ำหวาน แค่นี้ก็พอใจแล้ว

ด้านนายชนาธิป หรือแบงค์ แลวงศ์นิล อายุ 24 ปี แฟนผู้ตายกล่าวว่า อยู่กินกับน้ำหวานมา 3 ปีแล้ว มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อน้องดราก้อน วัยเพียง 9 เดือน ซึ่งวันเกิดเหตุเจอน้ำหวานครั้งสุดท้ายเวลาประมาณ 22.30 น. ก่อนที่น้ำหวานจะออกไปหาเพื่อนแล้วทราบว่ากลับเข้ามาบ้านตอนตี 3 แล้วออกไปเซเว่นอีเลฟเว่นเพื่อซื้อบัตรเติมเงิน แล้วก็หายไปเลยจนวันรุ่งขึ้นไม่กลับมา ตนยังเข้าใจว่าน้ำหวานไปหาแม่ที่สำโรง กระทั่งตำรวจมาถึงที่บ้านแจ้งให้ทราบก็ไปดูศพ เห็นแล้วตนรับไม่ได้ เรียกว่าไม่มีส่วนไหนที่ไม่ถูกทำร้าย ตั้งแต่ศีรษะร้าว บนใบหน้าตั้งแต่หน้าผากลงมาจมูกยุบลงไป คอมีรอยบีบ หน้าอกกับท้องมีรอยกระทืบ ซี่โครงหักหมด และนิ้วเท้าที่โดนลากมาระยะไกลหายไปเกือบประมาณหนึ่งนิ้ว การกระทำโหดเหี้ยมมาก

เชื่อว่าคดีนี้คงเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ที่ใช้ชีวิตในสังคมเมืองหลวง ให้พึงระวังบุตรหลานที่อาจจะต้องเผชิญกรรมกับความเลวร้ายของสังคมในยุคข้าวยากหมากแพง และคงไม่มีครอบครัวไหนที่อยากเห็นความสูญเสียของคนที่เรารัก เพื่อแลกกับการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพราะนั่นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
นายสุทธิ บุญพรม หรือไอ้แหวน
กำลังโหลดความคิดเห็น