ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีปล้นบ้าน “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” อดีตปลัดคมนาคม กวาดทรัพย์ 22 ล้านบาท 27 มี.ค.นี้ หลังสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายเสร็จสิ้น
ที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (14 ก.พ.) ศาลนัดสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายสิงห์ทอง หรือ เสธ.ไก่ ใจชมชื่น, นายเสาร์แก้ว นามวงค์, นายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน, นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน, นายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารี, นายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา, นายประพันธ์ เรียงเครือ, นายชยธัช หรือเอก จันนะชัย และ น.ส.วาสนา สาเพิ่มทรัพย์ เป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐาน ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง กระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพฯ, ร่วมรับของโจร และร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 340, 357, 365 และ 371 กรณีเมื่อวันที่ 12-23 พ.ย. 2554 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกร่วมกัน บุกรุกเข้าไปในบ้านของนายสุพจน์ ผู้เสียหาย ที่ซอยลาดพร้าว 62 เขตวังทองหลาง แล้วลักเงินสดจำนวน 18,121,000 บาทไป ซึ่งคดีนี้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2555
โดยวันนี้ น.ส.วาสนา สาเพิ่มทรัพย์ จำเลยที่ 9 ซึ่งได้รับการประกันตัว เดินทางมาเบิกความเป็นพยานปากแรก ระบุว่าได้คบหาเป็นแฟนกับนายสิงห์ทอง จำเลยที่ 1 ช่วงก่อนเกิดเหตุจำเลยทำงานเป็นผู้จัดการหอพัก และเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2554 เวลาประมาณ 20.30 น. นายสิงห์ทองจำเลยที่ 1 โทรศัพท์มาหาบอกไปพบที่อพาร์ตเมนต์ เมื่อไปถึงพบจำเลยที่ 2-3 อยู่ด้วยในสภาพแต่งตัวเรียบร้อย สะพายกระเป๋าลักษณะเตรียมตัวจะเดินทางออกไปข้างนอก ขณะที่จำเลยที่ 1ได้มอบเงิน 2 มัด รวม 1 ล้านบาทให้ ซึ่งจำเลยพยายามปฏิเสธไม่รับ แต่จำเลยที่ 1 บอกว่าเป็นเงินสุจริต กระทั่งหลังวันที่ 20 พ.ย. 2554 ทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่ามีการปล้นบ้านนายสุพจน์ ก็ตั้งใจจะเอาเงินไปคืนแต่ก็เกิดความกลัว กระทั่งเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 พ.ย. 2554 ก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบพาตัวไปสอบสวนที่ บช.น. ซึ่งจำเลยก็บอกว่าได้รับเงินมาจากจำเลยที่ 1 จำนวน 1 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ใช่ 3 ล้านบาทตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจและมีการซักถาม โดยระหว่างถูกสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธที่ถูกกล่าวหาว่ารับของโจรด้วย
ต่อมาทนายความจำเลยได้นำพี่สาวของนายประพันธ์ เรียงเครือ จำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านใน จ.มุกดาหาร มาเบิกความยืนยันว่า ช่วงต้น พ.ย.- 18 พ.ย. 2554 ได้ร้องขอให้จำเลยที่ 7 มาช่วยขับเรือรับ-ส่งชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยเมื่อปี 2554 นอกจากนี้ ทนายยังได้นำแฟนสาวของนายชยธัช หรือเอก จันนะชัย จำเลยที่ 8 ขึ้นเบิกความต่อศาล ระบุว่าก็รู้จักกับนายสุพจน์เมื่อครั้งที่มางานเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวของพยานและจำเลยที่ 8 ซึ่งจำเลยที่ 8 จะเรียกนายสุพจน์ว่าลุง โดยพยานไม่เคยไปที่บ้านพักนายสุพจน์ แต่ทราบว่านายสุพจน์เป็นคนใจดี และจำเลยที่ 8 ไม่มีเหตุโกรธเคืองอะไรกับนายสุพจน์
ทั้งนี้ ภายหลังพยานจำเลยทั้ง 3 ปากเบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.