เจ้าของบัญชีธนาคารที่ผู้ต้องหาคดีหลอกขายตุ๊กตา “เฟอร์บี้” ให้ผู้เสียหายหลายรายโอนเงินเข้าบัญชีโผล่เข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจพร้อมทนายความ หอบหลักฐานอ้างถูกผู้ต้องหาหลอกลวงเช่นกัน ส่อวุ่นสืบกันยาว!
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่กองปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยหลอกขายตุ๊กตาเฟอร์บี้ว่า นายกฤษณะ ชินฉัตร์ ทนายความของ น.ส.กาญจนา จะบัง อายุ 24 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารที่ได้รับเงินโอนต่อจาก น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ซึ่งรับโอนเงินจากกลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินมาให้เป็นจำนวนมาก ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหลังมีชื่อลูกความเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดีนี้
ทั้งนี้ นายกฤษณะได้รวบรวมสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสำเนาบัตรประชาชนของ น.ส.ชนนิกานต์ ข้อความการสนทนาโต้ตอบกับ น.ส.ชนนิกานต์ผ่านระบบออนไลน์ เอกสารการแจ้งความ สลิปการโอนเงิน และสำเนาบันทึกประจำวันที่ น.ส.กาญจนาได้ไปแจ้งความไว้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้เสียหาย
นายกฤษณะกล่าวว่า ลูกความตนก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ลูกความของตนรู้จักกับ น.ส.ชนนิกานต์จากการซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดย น.ส.ชนนิกานต์นำสำเนาบัตรประชาชนซึ่งใช้นามสกุลว่า “เจียรวนนท์” มาแสดงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ สำหรับสินค้าที่มาติดต่อขอซื้อจากลูกความนั้นเป็นสบู่และครีม มูลค่า 303,800 บาท ขอให้ส่งสินค้าให้ก่อนแล้วจะโอนเงินมาให้แต่ก็ไม่มีการโอนเงินค่าสินค้ามาให้แต่อย่างใด ต่อมาลูกความก็ถูกหลอกให้ซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 4 เอส รวม 5 เครื่อง เป็นเงิน 92,500 บาท และโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่ น.ส.ชนนิกานต์ อ้างว่าเป็นเซลส์ไป แล้วก็ไม่ได้รับสินค้า นอกจากนี้ยังมีกรณีการหลอกให้เช่าร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งหลอกให้จองรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าอีกด้วย รวมมูลค่าความเสียหายที่ลูกความของตนถูก น.ส.ชนนิกานต์หลอกลวงไปเป็นเงิน 610,000 บาท
ทนายความของ น.ส.กาญจนากล่าวว่า เรื่องที่ถูกฉ้อโกงนั้นได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุบลราชธานีแล้ว และมีการทวงถามเรื่อยมากระทั่งได้รับเงินโอนจาก น.ส.ชนนิกานต์ 1 ครั้ง เป็นเงิน 1.2 แสนบาท ส่วนครั้งที่ 2 ได้รับโอนจาก น.ส.เอ รวม 4 ครั้ง เป็นเงิน 4.9 แสนบาท ภายหลังทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงขายตุ๊กตาเฟอร์บี้ ซึ่งเงินจำนวน 4.9 แสนบาทนั้นยินดีคืนให้กลุ่มผู้เสียหายผ่านพนักงานสอบสวน และได้ไปแจ้งความเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองอุบลราชธานีแล้วเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทนายเข้ายื่นเอกสารชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนแล้วก็ได้มีการประสานงานเพื่อจะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่อยู่ระหว่างการนัดหมายให้แน่นอนอีกครั้ง