งัด กม.ฟอกเงินเอาผิดร้านค้าโกงนักท่องเที่ยว

สตช.หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว นำร่อง 4 เมืองใหญ่ คาดโทษผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าข่ายฉ้อโกง เข้าข่ายผิดตามมูลฐานกฎหมายฟอกเงิน

วันนี้ (14 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นประธานการประชุมร่วมกับตัวแทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

พล.ต.อ.วุฒิกล่าวภายหลังการประชุมว่า ตำรวจรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้อำนาจกฎหมายที่แต่ละหน่วยรับผิดชอบเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจังต่อผู้ประกอบการร้านค้าที่หลอกลวงนักท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยมาโดยตลอด ทั้งนี้ สำหรับการหลอกลวงนักท่องเที่ยวที่เข้าข่ายการฉ้อโกงประชาชนซึ่งเป็นความผิดตามมูลฐานของกฎหมายฟอกเงินจะมีการประสาน ปปง.เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ด้วย

พล.ต.อ.วุฒิกล่าวด้วยว่า จากการดำเนินการใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าคดีเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวนั้นลดลง และสามารถดำเนินการจับกุมผู้ในคดีค้างเก่าได้มากขึ้น ทั้งนี้ ตำรวจจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เป้าหมายซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ เช่น เมืองพัทยา เกาะสมุย จ.ภูเก็ต และ จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดต่อนักท่องเที่ยวที่ทำกันเป็นขบวนการต่อไป

ด้านนางธนิฎฐา เศวตศิลา มณีโชติ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวในด้านต่างๆ ด้วย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวเป็นผู้ดำเนินการว่า ขณะนี้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งให้พิจารณาเรื่องนี้อยู่ระหว่างหารือร่วมกับ กระทรวงการคลัง ในการขอความร่วมมือด้านการเงิน โดยตั้งวงเงินจำนวน 50 ล้านบาทในการเยียวยาช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยคาดว่าในวันที่ 1 ก.พ.นี้จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ ทั้งนี้ การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบกับปัญหาขณะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นก็จะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม