เบื้องหลังจับ “กำนันเป๊าะ” เกมลึกในยุทธจักรสีกากี

รายงานพิเศษ/แสงตะวัน

ปฏิบัติการจู่โจมจับกุม “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม บิดานายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้กว้างขวางภาคตะวันออก จำเลยคดีจ้างฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร อดีตกำนันตำบลท่าเสม็ด จังหวัดชลบุรี และคดีบุกรุกเขาไม้แก้ว หลังจากหลบหนีคดีมานานกว่า 6 ปี

กองกำลังตำรวจที่จับกุม “กำนันเป๊าะ” เป็นตำรวจกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.อาธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป. สร้างความฮือฮาให้แก่สังคมอย่างกว้างขวาง

แต่ในความ “ฮือฮา” ก็เกิดข้อฉงนสงสัยตามมา ไม่ใช่ฉงนทำไมจับกุม “กำนันเป๊าะ” แต่สงสัยเหตุใดถึงมีการจับกุมช่วงนี้ และเกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งๆ ที่คนในแวดวงการเมืองและแวดวงตำรวจ ต่างรับรู้รับทราบมาตลอดว่า “กำนันเป๊าะ” ไม่ได้หลบหนีไปไหน

แต่หลบซ่อนอยู่ในเขตอิทธิพลของตัวเอง คือ จ.ชลบุรี บ้านพักที่ ต.แสนสุข ชายหาดบางแสนนั่นเอง “กำนันเป๊าะ” ไม่ได้หลบอยู่เกาะกง ประเทศกัมพูชา หรือที่ไหนอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

เหตุที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจค้น เพราะหากเข้าไปแล้วไม่เจออาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมา และที่สำคัญตอนนี้ลูกชายก็เป็นถึงรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“มีอะไรในกอไผ่” หรือไม่!!?

ก่อนปฎิบัติการจู่โจมครั้งนี้จะเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามใช้เวลานับเดือนในการตรวจเช็กข้อมูล เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว “กำนันเป๊าะ” มาตลอดเวลา

กระทั่งช่วงสายขณะที่ “กำนันเป๊าะ” นั่งอยู่ภายในรถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อเลกซัส สีดำ ทะเบียน ฎฎ 9519 กรุงเทพมหานคร พร้อมกับหลานสาวรวม 3 คน โดยมีหลานสาวกำนันเป๊าะเป็นผู้ขับขี่ มาจอดบริเวณด่านชำระค่าทางด่วนลาดกระบัง (ขาออก) เพื่อขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์เดินทางกลับจังหวัดชลบุรี หลังช่วงเช้ามารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลสมิติเวช ย่านพัฒนาการ โดยปลอมแปลงชื่อผู้ป่วยว่าชื่อ “กิม แซ่ตั้ง”

สิ่งที่สร้างความฉงนสงสัยในการจับกุมครั้งนี้ว่าน่าจะมีอะไรในกอไผ่มากกว่าหน่อไม้ คือ ภาพการจับกุมที่มี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ลงมาคุมคดีด้วยตัวเอง ซึ่งดูจะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยนัก

เพราะบุคลิก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะเป็น “ผบช.ก.” ที่เก็บตัว หลายๆ คดีที่ตำรวจในสังกัดตำรวจสอบสวนกลางจับกุมได้ ส่วนใหญ่ก็จะให้ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาแถลงข่าวกันเอง

แต่คดี “กำนันเป๊าะ” พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กลับลงมาเล่นเอง

มุมหนึ่งก็อาจมองได้ว่า ผู้ต้องหาเป็นถึงบิดาคนระดับรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน การจะปล่อยให้ลูกน้องทำงานแบบโดดเดี่ยว สุ่มเสี่ยงกับภาวะกดดันทางการเมืองก็ดูกระไรอยู่ คนที่เป็นหัวหน้าเป็นผู้บังคับบัญชาก็ควรที่จะลงมาดูแลคดีอย่างใกล้ชิดเองก็มองได้

อีกมุมหนึ่งก็อาจมองได้ การปรากฏภาพ พล.ต.ท.พงศ์พัศในการจับกุม “กำนันเป๊าะ” มีนัยที่ต้องการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างเพื่อให้ใครบางคนรับรู้ และรับทราบว่า ไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม หากทำผิดกฎหมาย จะใหญ่หรือจะเล็กเพียงใด มีลูกเป็นรัฐมนตรี มีน้องบริหารประเทศชาติ หรือมีสิ่งใดก็ตาม กฎหมายก็ไม่มีข้อยกเว้น

ต้องถูกจับกุมหมด!!!

ในแวดวง “สีกากี” ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีการเมาท์กันมาตลอด ถึงเก้าอี้ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.ด้านปราบปราม” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ผู้บัญชาการรายหนึ่งพาสชั้นขึ้นมาเป็นตามความต้องการ เพื่อปูทางสู่อนาคตบนเก้าอี้ผู้นำสูงสุด ซึ่งผู้บัญชาการรายนั้นก็พยายามสร้างผลงานทั้งด้านการปราบปราม และด้านอื่นๆ เพื่อให้พร้อมในการแต่งตั้งโดยที่ไม่มีใครสามารถติฉินนินทาได้

และมีการเจรจาต่อรองกันขึ้น โดยผู้มีอำนาจแดนไกลตกลงจะผลักดันให้ตำแหน่ง “ผู้ช่วย ผบ.ตร.ด้านปราบปราม” ได้ทันที แต่ต้องปล่อยมือจากเก้าอี้ “ผู้บัญชาการ” ซึ่งสวนทางความต้องการของผู้บัญชาการรายนั้น ที่ยังอยากให้พรรคพวกมาสานต่อการทำงานในตำแหน่ง “ผู้บัญชาการ”

ทำให้ผู้มีอำนาจแดนไกลไม่พอใจ และเบรกการเปิดตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.ด้านการปราบปราม จนเรื่องการเปิดตำแหน่งดังกล่าวค้างคาอยู่ในขั้นตอนการอนุมัติ

แต่ข่าวเมาท์เรื่องนี้จะเชื่อมโยงกับการจับกุมกำนันเป๊าะครั้งนี้หรือไม่ ยังไม่มีใครออกมายืนยันชันเจน เพียงแต่ถ้า “ไม่มีมูล หมาไม่ขี้” หรอก