“ปวีณา หงสกุล” พาสาวกำแพงเพชร เข้าพบตำรวจกองปราบปราม หลังมีเงินปริศนาโอนเข้าบัญชีเกือบ 50 ล้านบาท เพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำนวนเงินดังกล่าว
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี พา น.ส.กรกมล เกตุแก้ว อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 9 ต.วังบัว อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.กรณีมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีเงินฝากธนาคารแห่งหนึ่งของ น.ส.กรกมล เป็นจำนวนเกือบ 50 ล้านบาท โดย น.ส.กรกมลต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงิน หรือการถ่ายโอนเงินดังกล่าวแต่อย่างใด
น.ส.กรกมลกล่าวว่า ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน ผ่านบริษัทจัดหางานแห่งหนึ่ง ซึ่งขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน อย่างถูกต้อง เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นจำนวนเงิน 90,000 บาท ช่วงนั้นได้รับคำแนะนำจากบริษัทดังกล่าวให้เปิดบัญชีเงินฝากไว้ เพื่อใช้ในการกู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าว แต่สมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มได้ให้บริษัทเก็บรักษาไว้
น.ส.กรกมลกล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 ได้รับการติดต่อจาก น.ส.ปิยะพร ไม่ทราบชื่อสกุล เจ้าหน้าที่ธนาคารที่ตนเปิดบัญชีไว้ เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ว่า เป็นการดำเนินการผิดพลาด โดยเร่งรัดให้ส่งสำเนาเอกสารส่วนตัวและเดินทางกลับประเทศ เพื่อมาทำธุรกรรมดังกล่าว แต่ได้แจ้งปัญหาว่าไม่สามารถเดินทางกลับได้ เพราะติดสัญญาว่าจ้างงาน 3 ปี แต่ต่อมาก็ยังถูกเจ้าหน้าที่คนนี้ติดต่อมาอีก พร้อมกับข่มขู่ว่าตนอาจมีความผิดทางกฎหมาย จึงต้องรีบกลับมาเพื่อจัดการปัญหาดังกล่าว โดยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด
น.ส.กรกมลกล่าวต่อว่า ผู้จัดการธนาคารที่ตนเปิดบัญชีไว้ก็ทราบเรื่อง และเข้ามาช่วยดำเนินการจนทำเอกสารส่งเงินกลับคืนไปยังธนาคารอีกแห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารเจ้าของบัญชีบอกว่าจะมีการชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่สุดท้ายธนาคารแห่งนี้ก็ไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของตน นอกจากนี้ ตนอยากจะร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกรณีไปทำงานต่างประเทศผ่านบริษัทนายหน้าแห่งนี้แล้ว ไม่ได้รับค่าตอบแทนตรงตามที่มีการตกลงกันไว้ ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ได้ร้องเรียนไปยังกระทรวงแรงงานแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า ได้รับเรื่องและมอบหมายให้ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พงส.ผู้ชำนาญการพิเศษ สอบปากคำผู้เสียหายไว้ ก่อนตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาดำเนินการต่อไป