xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนจำคุก 20 ปี ผู้บริหารแชร์บริสเชอร์ หลอกสมาชิกเที่ยวต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุกสองผู้บริหารแชร์บลิสเชอร์ คนละ 1.2 แสนปี หลอกสมาชิกเที่ยวพักผ่อนในต่างประเทศ แต่กฎหมายกำหนดให้จำคุกไม่เกิน 20 ปี ศาลชี้จำเลยมีอำนาจบริหาร กระทำการฉ้อโกงประชาน แต่เบี้ยวไม่มาศาล จึงให้ออกหมายจับมารับโทษ พร้อมสั่งปรับนายประกัน

ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (23 ม.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ ด.4756/2537 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท บลิสเชอร์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด จำเลยที่ 1, น.ส.อังสุนีย์ พัฒนานิธิ อดีตกรรมการบริษัท จำเลยที่ 2, น.ส.ปัรจวรรณ เบญจมาศมงคล อดีตผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้ถือหุ้น จำเลยที่ 3, นายแสงทอง แซ่กิม อดีตผู้ก่อตั้งบริษัทและพนักงานฝ่ายขายอิสระ จำเลยที่ 4 และนายอรรณพ หรืออาร์ต กุลเสวตร์ อดีตผู้จัดการสาขาศูนย์สีลม จำเลยที่ 5 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ประกอบ 83 และความผิดตาม พ.ร.ก.ว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 12 และ 15

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันนที่ 18 ก.ค. 2534 - 11 ก.พ. 2537 บจก.บลิสเชอร์ ซึ่งประกอบธุรกิจจัดสรรวันพักผ่อน หรือไทม์แชริ่ง โฆษณาชักชวนประชาชนให้สมัครสมาชิกใช้บริการที่พักฟรีตามสถานที่พักตากอากาศ หรือโรงแรมที่บริษัทฯ จำเลยจัดไว้ เป็นเวลา 4 วัน 4 คืนต่อปี นาน 20 ปี มีรูปแบบการสมัครสมาชิกเป็นรูปแบบบัตรทอง และบัตรเงิน โดยบัตรเงินจ่ายค่าสมาชิกปีละ 30,000 บาท พร้อมค่าบำรุงปีละ 2,500 บาท และบัตรทองจ่ายค่าสมาชิก 60,000 บาท พร้อมค่าบำรุงปีละ 4,500 บาท หากสมาชิกรายใดจะสมัครเป็นฝ่ายขายต่อจะต้องเสียค่าสมัครเพิ่ม 1,500 บาทต่อปี และหากหาสมาชิกได้จะได้ค่านายหน้าเพิ่มรายละ 5,000 บาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกจำนวน 24,189 ราย มูลค่าความเสียหาย 826,266,000 บาท ต่อมากระทรวงการคลังพบว่าจำเลยไม่อาจดำเนินการซื้อขายสินค้าตามที่ประกาศได้ เพราะไม่มีสินค้า และให้ค่าตอบแทนในวิธีฟรีโฟร์ คิดแล้วสูงกว่าดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด ไม่มีการประกอบกิจการจริง อันเป็นการกู้ยืมเงินซึ่งเป็นการฉ้อโกงประชาชน จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2551 ให้จำคุกจำเลยที่ 2, 4 และ 5 ซึ่งเป็นกรรมการที่มีอำนาจในบริษัทฯ ฐานฉ้อโกงประชาชน คนละ 120,945 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงให้จำคุกจำเลยทั้งสามได้ไม่เกิน 20 ปี จึงให้จำคุกจำเลยที่ 2, 4 และ 5 คนละ 20 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 3 เนื่องจากพบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการวางแผนบริหารนโยบายดังกล่าว

ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 3 ด้วย ส่วน จำเลยที่ 2, 4 และ 5 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้อง ภายหลังจำเลยที่ 5 ถอนอุทธรณ์ขอรับโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยวันนี้จำเลยที่ 2 และ 4 ไม่เดินทางมาศาล มีเพียงจำเลยที่ 3 มาศาลคนเดียวเท่านั้น ศาลจึงอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลย ที่ 2 และ 4 พร้อมกับให้ออกหมายจับ ปรับนายประกันจำเลยที่ 2 และ 4

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วรับฟังได้ว่า อุทธรณ์ของโจทก์ว่าจำเลยที่ 3 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าแม้โจทก์จะนำสืบว่าจำเลยที่ 3 เป็นกรรมการบริหารบริษัทในเครือของจำเลยที่ 1 อีก 2 บริษัท แต่พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 3 มีส่วนกระทำความผิดร่วมกับคนอื่นหรือไม่ ซึ่งคดีนี้เป็นคดีทางอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ มีความซับซ้อนกว่าคดีอาชญากรรมพิเศษทั่วไป เมื่อคดีมีข้อสงสัยจึงยกประโยชน์แห่งการสงสัยให้จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

ส่วนจำเลยที่ 2 และ 4 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าที่จำเลยที่ 2 และ 4 ยกข้อกฎหมายมานั้น ฟังไม่ขึ้น อีกทั้งโจทก์นำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้ง 2 มีอำนาจบริหารสั่งการในบริษัทของจำเลยที่ 1 เห็นว่าก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 มีกลุ่มบริษัทต่างๆทั้งที่สุจริตและไม่สุจริตเกิดขึ้นมากมาย ที่ไม่สุจริตได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมหาศาล ทำให้มีการออกกฎหมายจำนวนมากออกมาแก้ไข ความผิดในกรณีนี้ เกี่ยวข้องกับกฎหมาย พ.ร.ก.ว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 แม้จะไม่การระบุเรื่องธุรกิจไทม์ แชร์ริ่ง ก็ตาม แต่การหลอกลวงประชาชนด้วยความไม่สุจริต ด้วยวิธีดังกล่าวจึงเป็นการฉ้อโกง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2, 4, 5 ร่วมกับประกอบกิจการอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหลอกให้สมัครสมาชิก โดยหวังว่าให้สมาชิกเป็นฝ่ายขาย โดยให้ค่าตอบแทนแก่พนักงานขายสูงกว่าบริษัทจำเลยที่ 1 จะจ่ายให้แก่สมาชิกได้ จนรัฐต้องเข้าไปแทรกแซงให้ปิดบริษัทก่อนจะทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและประชาชนมากกว่านี้

ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนว่า จำเลยที่ 2 และ 4 มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ลงโทษจำคุก 24,189 กรรม ลงโทษกรรมละ 5 ปี รวมจำคุก 120,945 ปี แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 คงให้จำเลยรับโทษจำคุก จริงรวม 20 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น