ตำรวจสำโรงเหนือจับกุมหนุ่มสิงห์บุรี ทำตัวเป็นภัยสังคมแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ ล่อลวงเด็กหญิงวัยแค่ ป.6 นั่งรถหลงทาง ใช้กำปั้นต่อยท้องข่มขืนยับในเพิงพักร้าง สารภาพหื่นเพราะฤทธิ์น้ำเมา ตรวจสอบประวัติเชื่อไม่ใช่คดีแรก
วานนี้ (9 ม.ค.) ที่ห้องประชุม ชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธุ์ รอง ผบก. พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ รอง ผบก. พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ท.ณรงค์ ชนะภัยกุล รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.รักศักดิ์ เมฆจินดา สว.สส. กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงผลจับกุมตัว นายเกรียงไกร สิงห์โพธิ์ อายุ 29 ปี บ้านเดิมเลขที่ 84 ม.6 ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลสมุทรปราการ คดีข่มขืนกระทำชำเรา
สืบเนื่องจากช่วงค่ำวันที่ 3 ม.ค. 2556 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ รับแจ้งเหตุมีเด็กหญิงถูกข่มขืน บริเวณกลางซอยแพรกษา 3 ถ.เทพารักษ์ ต.เทพารักษ์ เยื้องที่ทำการ อบต.เทพารักษ์ จึงเข้าตรวจสอบพบ ด.ญ.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง สภาพเนื้อตัวมอมแมม กางเกงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด นั่งร้องไห้รอเจ้าหน้าที่ ก่อนให้การว่าเพิ่งนั่งรถกลับจากกินเลี้ยงฉลองวันปีใหม่กับเพื่อนย่านสำโรงเหนือ ระหว่างนั่งรถกลับบ้านที่ซอยตรากบ ต.ท้ายบ้านใหม่ แต่ด้วยความไม่ชินเส้นทาง ทำให้นั่งรถเลยมาถึงซอยดังกล่าว จึงพยายามเดินหารถโดยสารเพื่อต่อเส้นทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นมีชายขับขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีน้ำเงิน ขาว ทะเบียน อพว 829 กทม. สวมแจ็กเกตสีขาว ปักด้านหลังว่า “อาชญากรรม” ที่เอวเหน็บวิทยุสื่อสาร อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำทีเข้ามาสอบถาม จึงตอบกลับไปว่าอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านแต่หลงทาง ชายดังกล่าวจึงอาสาพาไปส่ง ตนจึงหลงเชื่อขึ้นรถซ้อนท้าย
ด.ญ.ก้อยลำดับเหตุการณ์ต่อไปอีกว่า หลังจากนั้นชายดังกล่าวทำทีบอกว่าซอยแพรกษา 3 สามารถทะลุไปยังถนนพุทธรักษา ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังซอยบ้านของตนได้ แต่เมื่อขับขี่จักรยานยนต์ออกตัวไป ชายดังกล่าวกลับพาขี่วนไปมา จนวกรถกลับมายังเพิงไม้ในป่าพงหญ้า ใกล้ที่ทำการ อบต.เทพารักษ์ ก่อนชายดังกล่าวจะกระชากลงจากรถ พร้อมชกเข้าที่หน้าท้องอย่างรุนแรง 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นได้อุ้มเข้าไปด้านในเพิงไม้ ก่อนลงมือข่มขืนกระทำชำเรา จนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใคร โดยอ้างว่าตนเองนั้นเป็นสายสืบ ก่อนรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้หลังเกิดเรื่อง ด.ญ.ก้อยได้เดินประคองร่างบอบช้ำไปร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่
หลังทราบข้อมูลตำรวจชุดสืบสวน จึงตรวจสอบเลขทะเบียนรถ พบว่าเจ้าของรถรายนี้คือ นายเกรียงไกร ตลอดจนผู้เสียหายชี้ตัวยืนยันว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุ จึงขออนุมัติหมายศาลสมุทรปราการเข้าจับกุมตัวไว้ได้ที่บ้านเลขที่ 285 ม.1 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมของกลางจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ เสื้อแจ็กเกต และวิทยุสื่อสาร 1 ตัว ก่อนคุมตัวกลับโรงพักสอบสวน ให้การรับว่าชอบแต่งกายลักษณะดังกล่าวเนื่องจากก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นอาสาสมัครวิทยุสื่อสาร แจ้งเหตุหรือข้อมูลต่างๆ ให้ศูนย์วิทยุทราบ แต่ปัจจุบันนี้เลิกทำแล้ว หันมาขับรถรับส่งนักเรียนรับจ้างแทน ก่อนเกิดเหตุไปดื่มสุราบ้านเพื่อน ด้วยความเมาระหว่างขับรถเห็นเด็กหญิงผู้เสียหายจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ก่อนล่อหลอกพาขึ้นรถแล้วลงมือข่มขืน 1 ครั้ง
พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า คดีนี้ผู้เสียหายอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านแต่หลงทาง ก่อนมาพบผู้ก่อเหตุแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่หรือกลุ่มอาสาสมัคร โดยมีการเหน็บวิทยุสื่อสารไว้ข้างตัว จึงทำให้เหยื่อผู้เสียหายหลงเชื่อติดรถไปด้วย ก่อนผู้ก่อเหตุจะล่อลวงไปลงมือข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่อันตราย เป็นภัยต่อสังคม ซึ่งต่อมาชุดสืบสวนได้ออกติดตามจับกุมตัว เบื้องต้นรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุสื่อสาร ดำเนินคดี ขณะเดียวกันก็มีการตรวจสอบประวัติคดีอาชญากรรมย่อนหลัง เพราะเชื่อว่ามีผู้เสียหายหลายรายที่อาจเคยถูกก่อเหตุลักษณะเดียวกันแต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ