“คำรณวิทย์” แถลงผลงานตำรวจนครบาลจับกุมผู้ต้องหาได้หลายคดี สน.ลาดพร้าวรวบ 2 สามีภรรยาแสบตุ๋นแชร์ลูกโซ่ ร่วมลงทุนเก็งกำไร 5 ล้านแล้วเบี้ยว!
วันนี้ (4 ม.ค.) เวลา 11.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.ศรศักดิ์ ทองมี และ พ.ต.ต.ศราวุธ วินัยประเสริฐ สว.สส.สน.วัดพระยาไกร แถลงการจับกุม นายประเสริฐ หรือแน็ป เทียมสายออ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่น สามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 134 หมู่ 7 ต.นาบ่อคำ อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ม.ค.เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ น.ส.ดาว จันทร์มา อายุ 19 ปี เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 25/1 ซอยเจริญกรุง 103/1 แยก 6 แขวงและเขตบางคอแหลม กทม. ต่อมาสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายประเสริฐ ซึ่งอยู่กินกับผู้ตายมานาน ฝ่ายสืบสวนจึงนำกำลังติดตามจับกุม
พ.ต.ต.ศราวุธกล่าวว่า สอบสวนนายประเสริฐสารภาพว่าเป็นสามีภรรยากัน อยู่ด้วยกันมานาน 5 ปี สาเหตุที่ก่อเหตุ เนื่องจากหึงหวงที่ผู้ตายจะตีจากไปมีคนอื่นจึงบีบคอเสียชีวิต แล้วโทรศัพท์ไปหานายจ้างของฝ่ายหญิงที่ทำงานที่โรงงานเย็บจักรให้ไปดูผู้ตาย ก่อนหนีกลับบ้านเกิดที่จังหวัดกำแพงเพชร และมาถูกจับกุมได้
ต่อมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ ผกก.สน.ลาดพร้าว และฝ่ายสืบสวนสน.ลาดพร้าว แถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีวิ่งราวทรัพย์และคดีฉ้อโกงประชาชน รวม 2 คดี ดคีแรก จับกุมตัว นายพรชิด หรือบังบอย เลยยัพ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ 10 ต.ท่าไม้ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ พร้อมของกลางบัตรเอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ 73 ใบ บัตรประชาชน 5 ใบ กระเป๋าสตางค์ 45 ใบ กระเป๋าสะพายผู้หญิง 19 ใบ เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ หมวกกันน็อก 1 ใบ และรถ จยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ หมายเลขทะเบียน อจต 249 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมตัวได้ที่โครงการบ้านเอื้ออาทร บางเขน อาคาร 54 ซอยเพิ่มสิน 24/1 ถนนเพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.นัยวัฒน์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา นายพรชิด ได้ขี่ จยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ หมายเลขทะเบียน อจต 249 วิ่งราวกระเป๋าสะพายของ น.ส.อมรรัตน์ เบี้ยขาว บริเวณริมถนนนวมินทร์ แล้วหลบหนีไป ต่อมาฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบหมายเลขทะเบียน จยย.ของคนร้าย จนพบว่า ผู้ครอบครอง คือ นายสุรเดช เลยยัพ ซึ่งพักอยู่ที่แฟลตการเคหะฯ ซอยรามคำแหง 190 จึงติดตามจับกุม นายสุรเดช ได้ให้การว่าพี่ชายมาขอยืมรถไปใช้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุด้วย จากนั้นจึงขยายผลไปจับกุมตัวนายพรชิด ที่ห้องพักบ้านเอื้ออาทร พบของกลางที่ได้มาจากการวิ่งราวทรัพย์หลายรายการ เมื่อตรวจสอบประวัติ พบว่านายพรชิดเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง จับกุมตัวในคดีวิ่งราวทรัพย์ ถูกจำคุก 3 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2553 ก่อนจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกนานกว่า 1 ปี กระทั่งถูกจับกุมตัวได้อีกครั้ง
จากการสอบสวนนายพรชิดให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยประกอบอาชีพขายของ แต่ก็เลิกไป จึงไม่มีเงินใช้ ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง แต่ละวันที่ลงมือก่อเหตุจะเลือกช่วงเวลาสายๆ โดยขับขี่ จยย.ของพี่ชาย ออกจากที่พักมุ่งหน้าถนนนวมินทร์-รามอินทรา ลาดพร้าว ผ่านไปหลายพื้นที่ เมื่อพบเหยื่อที่เป็นผู้หญิง เดินสะพายกระเป๋าคนเดียว ก็จะเข้าไปประกบและกระชากกระเป๋า แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ทรัพย์สินที่ได้มา เช่น โทรศัพท์มือถือจะนำไปขายตามร้านทั่วไป เงินที่ได้มาก็นำไปซื้อยาบ้ามาเสพ แต่ไม่ได้ติดการพนัน
อีกคดี พ.ต.อ.วิทวัฒน์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ผ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ร่วมกันจับกุมตัว นายศิวกร วงษ์มนัส อายุ 35 ปี และ นางณัฎฐา วงษ์มนัส อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1422/48 ลงวันที่ 12 เม.ย.48 ในข้อหา “ร่วมกันกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินเกินสิบคน ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป และตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมจะพึงจ่ายได้”
พ.ต.อ.วิทวัฒน์กล่าวอีกว่า สืบเนื่องจากตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2546 ต่อเนื่องไปถึงวันที่ 28 ก.ย.2547 นายศิวกร และ นางณัฎฐา สองสามีภรรยา ได้ร่วมกันก่อเหตุหลอกหลวงประชาชนมาร่วมลงทุนปล่อยเงินกู้ โดยอ้างว่า จะได้ดอกเบี้ยตอบแทนสูงกว่าสถาบันการเงินต่างๆ ทำให้มีคนหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท จากนั้นทั้งสองคนได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.หนองคาย กระทั่งเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ได้สืบทราบว่าผู้ต้องหาพักอยู่ที่จันทร์แพง ในตัวเมือง จ.หนองคาย จึงนำกำลังไปจับกุมตัว เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (4 ม.ค.) เวลา 11.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.ศรศักดิ์ ทองมี และ พ.ต.ต.ศราวุธ วินัยประเสริฐ สว.สส.สน.วัดพระยาไกร แถลงการจับกุม นายประเสริฐ หรือแน็ป เทียมสายออ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่น สามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 134 หมู่ 7 ต.นาบ่อคำ อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ม.ค.เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ น.ส.ดาว จันทร์มา อายุ 19 ปี เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 25/1 ซอยเจริญกรุง 103/1 แยก 6 แขวงและเขตบางคอแหลม กทม. ต่อมาสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายประเสริฐ ซึ่งอยู่กินกับผู้ตายมานาน ฝ่ายสืบสวนจึงนำกำลังติดตามจับกุม
พ.ต.ต.ศราวุธกล่าวว่า สอบสวนนายประเสริฐสารภาพว่าเป็นสามีภรรยากัน อยู่ด้วยกันมานาน 5 ปี สาเหตุที่ก่อเหตุ เนื่องจากหึงหวงที่ผู้ตายจะตีจากไปมีคนอื่นจึงบีบคอเสียชีวิต แล้วโทรศัพท์ไปหานายจ้างของฝ่ายหญิงที่ทำงานที่โรงงานเย็บจักรให้ไปดูผู้ตาย ก่อนหนีกลับบ้านเกิดที่จังหวัดกำแพงเพชร และมาถูกจับกุมได้
ต่อมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ ผกก.สน.ลาดพร้าว และฝ่ายสืบสวนสน.ลาดพร้าว แถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีวิ่งราวทรัพย์และคดีฉ้อโกงประชาชน รวม 2 คดี ดคีแรก จับกุมตัว นายพรชิด หรือบังบอย เลยยัพ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ 10 ต.ท่าไม้ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ พร้อมของกลางบัตรเอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ 73 ใบ บัตรประชาชน 5 ใบ กระเป๋าสตางค์ 45 ใบ กระเป๋าสะพายผู้หญิง 19 ใบ เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ หมวกกันน็อก 1 ใบ และรถ จยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ หมายเลขทะเบียน อจต 249 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมตัวได้ที่โครงการบ้านเอื้ออาทร บางเขน อาคาร 54 ซอยเพิ่มสิน 24/1 ถนนเพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.นัยวัฒน์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา นายพรชิด ได้ขี่ จยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ หมายเลขทะเบียน อจต 249 วิ่งราวกระเป๋าสะพายของ น.ส.อมรรัตน์ เบี้ยขาว บริเวณริมถนนนวมินทร์ แล้วหลบหนีไป ต่อมาฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบหมายเลขทะเบียน จยย.ของคนร้าย จนพบว่า ผู้ครอบครอง คือ นายสุรเดช เลยยัพ ซึ่งพักอยู่ที่แฟลตการเคหะฯ ซอยรามคำแหง 190 จึงติดตามจับกุม นายสุรเดช ได้ให้การว่าพี่ชายมาขอยืมรถไปใช้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุด้วย จากนั้นจึงขยายผลไปจับกุมตัวนายพรชิด ที่ห้องพักบ้านเอื้ออาทร พบของกลางที่ได้มาจากการวิ่งราวทรัพย์หลายรายการ เมื่อตรวจสอบประวัติ พบว่านายพรชิดเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง จับกุมตัวในคดีวิ่งราวทรัพย์ ถูกจำคุก 3 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2553 ก่อนจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกนานกว่า 1 ปี กระทั่งถูกจับกุมตัวได้อีกครั้ง
จากการสอบสวนนายพรชิดให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยประกอบอาชีพขายของ แต่ก็เลิกไป จึงไม่มีเงินใช้ ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง แต่ละวันที่ลงมือก่อเหตุจะเลือกช่วงเวลาสายๆ โดยขับขี่ จยย.ของพี่ชาย ออกจากที่พักมุ่งหน้าถนนนวมินทร์-รามอินทรา ลาดพร้าว ผ่านไปหลายพื้นที่ เมื่อพบเหยื่อที่เป็นผู้หญิง เดินสะพายกระเป๋าคนเดียว ก็จะเข้าไปประกบและกระชากกระเป๋า แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ทรัพย์สินที่ได้มา เช่น โทรศัพท์มือถือจะนำไปขายตามร้านทั่วไป เงินที่ได้มาก็นำไปซื้อยาบ้ามาเสพ แต่ไม่ได้ติดการพนัน
อีกคดี พ.ต.อ.วิทวัฒน์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ผ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ร่วมกันจับกุมตัว นายศิวกร วงษ์มนัส อายุ 35 ปี และ นางณัฎฐา วงษ์มนัส อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1422/48 ลงวันที่ 12 เม.ย.48 ในข้อหา “ร่วมกันกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินเกินสิบคน ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป และตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมจะพึงจ่ายได้”
พ.ต.อ.วิทวัฒน์กล่าวอีกว่า สืบเนื่องจากตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2546 ต่อเนื่องไปถึงวันที่ 28 ก.ย.2547 นายศิวกร และ นางณัฎฐา สองสามีภรรยา ได้ร่วมกันก่อเหตุหลอกหลวงประชาชนมาร่วมลงทุนปล่อยเงินกู้ โดยอ้างว่า จะได้ดอกเบี้ยตอบแทนสูงกว่าสถาบันการเงินต่างๆ ทำให้มีคนหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท จากนั้นทั้งสองคนได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.หนองคาย กระทั่งเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ได้สืบทราบว่าผู้ต้องหาพักอยู่ที่จันทร์แพง ในตัวเมือง จ.หนองคาย จึงนำกำลังไปจับกุมตัว เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีต่อไป