xs
xsm
sm
md
lg

รออีกกี่ศพถึงจะเลิกแก้ปัญหาด้วยปาก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
ตรงเป้า

ศรรามา

พอสังหารครู เป็นศพที่ 156 และ 157 คาโรงอาหารของโรงเรียนที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี เห็นเจ้าหน้าที่รัฐตาลีตาเหลือก ประชุมกันใหญ่ ปรับแผนคุ้มครองครูบูรณาการกันใหม่ โจรใต้มันก็ย้ายเป้าหมายไปที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

เลือกปฏิบัติการในพื้นที่ ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าพวกมันจะกล้าลงมือ เพราะเป็นถนนที่มียวดยานสัญจรไม่ขาดสาย ชื่อถนนจารุเสถียร เป็นเส้นทางจากตัวเมืองนราธิวาส ไปอำเภอสุไหงโก-ลก โดยผ่านอำเภอเจาะไอร้อง

รถผ่านไปผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอรถปิกอัพที่ดัดแปลงเป็นรถสองแถวรับส่งผู้โดยสารผ่านมา ไอ้วายร้ายที่ซุ่มอยู่ข้างทาง ก็สาดกระสุนเอ็ม 16 เข้าใส่ชนิดหูดับตับพัง ไม่ต่ำกว่า 30 นัด เหตุเกิดเมื่อเวลา 17.20 น.วันที่ 17 ธันวาคม 2555 เพิ่งมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายสมศักดิ์ ชวัญมา ครู ร.ร.บ้านบาโง เหยื่อโจรใต้ศพที่ 157 ไปเมื่อวันก่อน

พวกมันเลือกรถสองแถวคันนี้ เพราะเป็นรถที่ข้าราชการหลายหน่วยงาน ซึ่งมีบ้านพักอยู่ในตัวเมืองนราธิวาส ต้องไปทำงานที่อำเภอสุไหงปาดี เดินทางด้วยรถคันนี้มาหลายปี โดยไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น

แต่ด้วยยุทธวิธีการรบแบบกองโจร เข้าแหย่เข้าตีแล้วถอย โดยเปลี่ยนเป้าหมายหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ตอนนี้มีการรักษาความปลอดภัยแก่ครูอย่างเข้มแข็ง เป้าหมายต่อไปอาจเป็นพระภิกษุที่ออกบิณฑบาต หรือไม่ก็คาร์บอมบ์มอเตอร์ไซค์บอมบ์ในตัวเมือง หรือไม่ก็ยิงชาวบ้านขณะกรีดยางบ้าง หรือบุกยิงในมัสยิดขณะกำลังละหมาดบ้าง หรือไม่ก็ขุดถนนฝังระเบิดถล่มรถตำรวจรถทหาร หรือไม่ก็ขุดรางรถไฟระเบิดขบวนรถไฟ สุดแท้แต่ตรงไหนการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รัฐอ่อนแรงโรยรา

คณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติเงิน 66 ล้านบาท ซื้อรถหุ้มเกราะให้ตำรวจ 33 คัน เพื่อทดแทนคันเก่าที่ถูกระเบิดเสียหาย และใช้งานมานานระมัดระวังให้ดีก็แล้วกัน คันละ 2 ล้านบาท ตราบใดที่รัฐยังไม่สามารถดึงมวลชนมาเป็นพวกได้ โจรใต้มันขุดถนนฝังระเบิด ไม่ใช่ทำกันได้ภายในเวลา 5 นาที หรือ 10 นาที มันทำกันตอนกลางคืน ชาวบ้านรู้ชาวบ้านเห็น แต่ไม่กล้ามาบอกเจ้าหน้าที่ รถหุ้มเกราะคันแล้วคันเล่าต้องสูญเสียไปพร้อมกำลังพล มันเหมือนสงครามเวียดนามไหมล่ะ เวียดกงขุดถนนฝังระเบิดยังไงยังงั้น

ครู 3 จังหวัดภาคใต้ ต่างขอย้ายออกนอกพื้นที่หลายร้อยคน ใครบ้างที่ไม่กลัวตาย ระหว่างเดินทางใจคอก็ไม่ปกติอยู่แล้ว แม้แต่สอนเด็กในห้องเรียน ก็เคยถูกโจรบุกยิงตาย รัฐบาลไม่รีบแก้ไขตรงจุดนี้ เห็นทีจะลำบากครูถูกยิงตาย พวกครูก็ต้องปิดโรงเรียน แล้วเด็กนักเรียนก็ได้รับความรู้แบบกระท่อนกระแท่นไม่ต่อเนื่อง

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไปปัตตานีประชุมครู 3 จังหวัด นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงใต้ไปเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ ครูสมศักดิ์ ขวัญคง ก็นับว่ากล้าหาญชาญชัยมากกว่ารองนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หลายสิบเท่า

แต่สำหรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2555 จะว่าไปเพื่อพิสูจน์ทราบสถานการณ์จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนจุดบกพร่องดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่

“ยิ่งลักษณ์” พารัฐมนตรีไปถึง 7 คน และอีกคนที่ยิ่งลักษณ์ไม่เคยลืม เพราะเป็นหงอกสยามประดับบารมี คือ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ แม้จะไม่มีตำแหน่งอะไร แต่ยิ่งลักษณ์ก็หนีบขึ้นซี 130 ไปด้วย เอาไว้เดินตามก้นนายกฯ

ตอนเช้า ยิ่งลักษณ์ ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ และผู้เกี่ยวข้องที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานีตอนบ่ายมาพบสมาชิกกองทุนสตรี ที่ตัวเองโปะเงินประชานิยมให้จังหวัดละ 100 ล้านบาท ที่โรงแรมซีเอส แล้วไปเปิดสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา จากนั้นบินกลับกรุงเทพฯ แทนที่จะไปเยี่ยมเยียนทหารตำรวจที่ปฏิบัติการเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ก็ยังจะดูกลมกลืนกับภารกิจด้วยซ้ำ

3 งานที่ยิ่งลักษณ์กับคณะไปใต้ครั้งนี้ ไม่น่าจะคุ้มกับค่าน้ำมันเครื่องบินซี 130 รวมทั้งเรือเหาะสับปะรังเคของกองทัพบกราคา 350 ล้านบาท บินอวดคณะนายกฯ ทะยานจากพื้นดินได้แค่ 15 เมตร ก็ต้องร่อนลงอย่างฉุกเฉิน โดยอ้างว่าสภาพอากาศแปรปรวน ท้องเรือเหาะกระแทกพื้น กล้องถ่ายรูปที่ติดไว้ตรงท้องเรือ มันก็ต้องพังยับไปตามระเบียบ กองทัพบก แถลงว่า เรือเหาะได้รับความเสียหายถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นั่นก็หมายความว่า เงินภาษีประชาชนละลายหายไปอีก 175 ล้านบาท ในพริบตา

เรือเหาะลำนี้จัดซื้อในสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี 2553 ตัวเรือเหาะราคา 260 ล้านบขาท กล้องถ่ายภาพ 2 ตัว ราคา 70 ล้านบาท อุปกรณ์สื่อสารภาคพื้น 20 ล้านบาท ซื้อมาแล้วก็บินได้แค่ยอดไม้ ทั้งๆ ตามสมรรถนะต้องบินได้สูงจากพื้นดิน 3 กิโลเมตร

มันจึงเป็นความอัปยศของกองทัพบก ไม่ด้อยไปกว่าพลทหารมณฑลทหารบกที่ 11 แสดงความป่าเถื่อนทำร้ายร่างกายนายสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไม่สมกับเป็นทหารของประชาชนทำลายภาพลักษณ์ “รั้วของชาติ” อย่างสิ้นเชิง

วันที่ยิ่งลักษณ์ พารัฐมนตรีลงใต้ คนที่มีหน้าที่โดยตรงกับการแก้ปัญหาอย่างรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากยิ่งลักษณ์ ให้เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศปก.กปต.) ไม่ได้ไปด้วย มีข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม ป่วย ก็ไม่รู้ป่วยด้วยโรคอะไร เห็นให้สัมภาษณ์สื่อฉอดๆ ในทำเนียบรัฐบาล

ดอกเตอร์กฎหมาย“เกรดเอ” มหาวิทยาลัยรามคำแหง คุยฟุ้งฝุ่นกระจายจะเข้าคารวะจุฬาราชมนตรี จะเดินสายไปพบคนโน้นคนนี้ จะไปสวีเดน เพราะมีคนโทรศัพท์มาหาตนบอกว่าเป็นแกนนำโจรใต้ ถ้าเป็นตัวจริงก็จะไปคุยด้วย ล่าสุด บอกว่าจะไปมาเลเซีย

ตอน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออก ร.ต.อ.เฉลิม ได้เป็นประธานแทนนายยงยุทธ หลายคณะ ร.ต.อ.เฉลิม คิดว่า ตัวเองจะเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ถึงขนาดประกาศก้องจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาภาคใต้ในสวนรื่นฤดี เนรมิตให้เป็น “เพนตากอน”ของไทยแลนด์ แต่พอไม่ได้รับการแต่งตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ก็หน้าแหกไปตามระเบียบ

คราวนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นคนสำคัญในการแก้ปัญหาภาคใต้ สิ่งที่ทำได้ คือ คุยโวโอ้อวดเดี๋ยวจะไปสวีเดน เดี๋ยวจะไปมาเลเซีย แต่ที ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ไม่ยอมไป ท่านก็ให้เหตุผลตามสติปัญญาของท่าน น่าสงสารและเวทนายิ่งนัก ท่านพูดเอง “เมื่อทุกอย่างอยู่ในสถานการณ์เรียบร้อยแล้วผมจะลงพื้นที่”

จะรอให้ตายอีกกี่ศพถึงจะเลิกแก้ปัญหาด้วยปาก
กำลังโหลดความคิดเห็น