By Lady Manager
“โอ้ย! ปวดประจำเดือน” หรือ “เอ๊ะ! คลำเจอก้อนอะไรไม่รู้” นี่คือ สัญญาณบอกเหตุของโรคเนื้องอกในมดลูกแล้วล่ะจ้า อย่าเพิกเฉย หรือวางใจเด็ดขาด! ยิ่งเจอเร็วยิ่งรักษาง่าย แล้วไม่สงสัยบ้างเหรอ แล้วทำไมปัจจุบันนี้พบผู้หญิงเป็นเนื้องอกในมดลูกพรึ่บพรั่บไปหมด
งั้น...เราขอเก็บตกจากงานสัมมนา “เนื้องอกในผู้หญิง 1 ใน 4 คนต้องเจอแน่!!!” จากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่นโดย นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
อึ้ง! หมอพบผู้หญิงเป็นเนื้องอกในมดลูกแทบทุกคน
“โรคที่เกี่ยวกับอวัยวะของผู้หญิง เช่น มดลูก หรือรังไข่ เป็นโรคที่มีมานานแล้ว เพียงแต่เราจะเห็นว่าหลังๆ เพิ่งมาตื่นตัวกันเพราะว่า ตอนนี้มีอุปกรณ์สามารถพบได้เร็วขึ้น
สมัยก่อนเราอาจจะนึกว่า ทำไมเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเป็นเนื้องอกกันเยอะ ตัดมดลูกกันเยอะจังเลย ถามดูประมาณ 10 คน ตัดมดลูกกันแล้ว จริงๆ โรคนี้มีมาตั้งนานแล้ว แต่สมัยก่อนเราไม่ได้ตรวจ อย่างพวกหมอเวลาเราเรียนตอนเป็นนักเรียนแพทย์จะมีการผ่าศพอาจารย์ใหญ่ จะต้องมีการศึกษาประวัติท่านว่า ท่านเสียชีวิตด้วยอะไร บางท่านก็มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน แต่พอผ่าลงไปถึงมดลูกเจอเนื้องอกแทบทุกคน มีไม่มากก็น้อย แต่แทบทุกคน พูดง่ายๆ บางท่านยังไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นเนื้องอก
นั่นหมายความว่าบางคนอาจจะเป็นเนื้องอกโดยไม่รู้ตัว เนื้องอกบางอย่างอาจไม่มีอันตราย คือ ฟังแล้วไม่ต้องตกใจ ถึงจะมีเนื้องอกอยู่เราก็สามารถอยู่ร่วมกับเนื้องอกได้ ถ้าเนื้องอกนั้นไม่เป็นอันตราย เพียงแต่เราต้องรู้ ดูได้ว่ายังเป็นเนื้องอกที่ปลอดภัยอยู่ แล้วเรารู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนเป็นเนื้อไม่ดี เราจะได้จัดการซะ
เนื้องอกคือ เนื้อปกติของเรา ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ อาจจะมีปัจจัยอื่นมากระตุ้น เช่น สารที่ก่อมะเร็ง สารที่ก่อเนื้องอก บางอย่างเป็นพันธุกรรม กระตุ้นให้เนื้อบางบริเวณมีการแบ่งตัวเร็วผิดปกติ มันก็มีขนาดใหญ่ขึ้น คราวนี้ตัวเนื้องอกมันใหญ่ขึ้น หลายๆ ครั้ง ตัวเนื้องอกเองไม่ได้ทำอันตรายเรา การที่ตัวเนื้องอกมีขนาดใหญ่ ก็จะไปกดเบียดอวัยวะข้างๆ ทำให้เกิดการเสียการทำงานของร่างกายแล้วทำให้เป็นโรค เกิดขึ้นทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ปัจจุบันเราจึงทำนายไม่ได้ สมมติถ้าถามว่าเนื้องอกเกิดจากอะไร คำตอบก็คือ เรายังไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดกับบางคน มันเป็นอย่างนี้เราไม่รู้ว่าจะเกิดกับใคร ทุกคนก็ต้องตรวจ ตรวจเหมือนตรวจสุขภาพ
โดยปกติที่เราแนะนำคุณผู้หญิงให้มาตรวจภายใน พบว่าอวัยวะภายในของผู้หญิง คือ มดลูก รังไข่ เป็นอวัยวะที่ซ่อนอยู่ใต้เข็มขัด ทุกคนถ้ามีมดลูก มีรังไข่ปกติ จะไม่สามารถคลำเจอมดลูกกับรังไข่ของตัวเอง ฉะนั้นคนที่จะตรวจได้คือ คุณหมอตอนตรวจภายใน เราจึงแนะนำว่าให้มาตรวจดูภายในอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง สำหรับผู้หญิงที่มีอายุเกิน 25 ปีขึ้นไป
ทุกครั้งที่ตรวจ คุณหมอจะใช้โอกาสนั้นคลำดูว่ามดลูกมีขนาดใหญ่ งอก เป็นตะปุ่มตะป่ำอะไรหรือเปล่า จะเป็นที่มาที่ทำให้เราสามารถรู้ตัวเองได้ว่าเป็นเนื้องอกตั้งแต่ต้น เนื้องอกขนาดเล็ก บางทีไม่มีอาการ เราจะใช้ชีวิตของเราไป ถ้าเราไม่ตรวจ กว่าจะมาเจอรอจนมีอาการมันอาจจะเป็นเนื้อที่ใหญ่แล้ว อาจจะเป็นเนื้อร้ายแล้วก็ได้
เนื้องอกแบ่งเป็นเนื้องอกที่ไม่เป็นอันตราย และเป็นอันตรายเป็นเนื้อร้าย เนื้องอกธรรมดาหลายๆ อย่างอาจจะกลายเป็นเนื้อร้ายได้ ฉะนั้นหากเราทิ้งไว้นานๆ พอเนื้องอกมีการแบ่งเซลล์อย่างไม่หยุดยั้งมันก็จะกลายเป็นอย่างทีเราเรียกว่ามะเร็ง คือ โตอย่างไม่มีขีดจำกัด และทำให้เราเสียชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่า 100% ที่เจอเนื้องอกจะกลายเป็นเนื้อร้าย ฉะนั้นเรื่องของการมาตรวจประจำปีสำคัญที่สุดอย่างน้อยตอนนี้ถือว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันตรงนี้”
เนื้องอกมี 4 สไตล์!
“ปัจจุบันนอกจากการตรวจภายในแล้ว หลายๆ ครั้ง ถ้าคลำดูเนื้องอกมีลักษณะผิดปกติ อาจจะมีการตรวจเพิ่มเติม คือ อัลตราซาวด์ (Ultrasound) จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก การช่วยให้เราตรวจพบในก้อนเล็กๆ เนื้องอกมีหลากหลายรูปแบบ มดลูกซ่อนอยู่ในพื้นที่เท่ากับกางเกงในเราเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเราคลำจากข้างบนก็ไม่เจอ ตรวจคลำจากทางช่องคลอดมาก็ไม่ถึง ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการช่วยดู เวลาเราพูดถึงเนื้องอก ถ้าเราพูดกว้างๆ มันอาจจะหมายความรวมถึงก้อนที่เป็นเนื้อเเข็งๆ หรือเป็นน้ำ ทีนี้ถ้าเราจะแบ่งกลุ่มเนื้องอกกว้างๆ เราจะเรียกได้ว่า เป็นก้อนเนื้อแข็งๆ กับอันที่2 เป็นถุงน้ำ
อันที่1 ส่วนที่เป็นเนื้องอกแข็งๆ เราจะแบ่งออกได้เป็น 4 อย่าง เนื้องอกที่เราพบคือ เนื้องอกที่จะอยู่ที่ผิวนอก ซึ่งเนื้องอกแบบนี้มันจะนูนออกมาให้เรารู้สึกได้ เนื้องอกแบบนี้จะเป็นเนื้องอกที่เราตรวจพบได้เร็วที่สุด เวลาตรวจภายในหมอสามารถคลำดูและพบได้ว่ามันมีอะไรตะปุ่มตะป่ำ เราก็อาจจะอัลตราซาวด์ดูได้ว่า ตรงนี้เป็นเนื้องอก ผิดปกติอย่างไร
เนื้องอกพวกนี้เมื่องอกออกมาข้างนอก ก็มักจะมีอาการทำให้เรารู้ตัวได้เร็ว ก็คือ มดลูกจะอยู่ติดกับท่อปัสสาวะ ถ้าเนื้องอกงอกมาด้านหน้าก็จะมากดเบียดท่อปัสสาวะ คนไข้จะมีอาการปัสสาวะบ่อย เหมือนกระเพาะปัสสาวะเราถูกกดอยู่ตลอดเวลา พอถูกกดสักครู่ก็เหมือนน้ำเต็มแล้ว บางคนถ้าเนื้องอกใหญ่มากๆ คลำเจอก็มีนอนอยู่คลำเจอก้อนอะไร หรือก้อนที่งอกออกมาอยู่ด้านหลัง จะไปกดเบียดลำไส้
คนไข้กลุ่มนี้จะมีอาการคือ ถ่ายลำบาก ถ่ายอุจจาระเป็นก้อนแข็ง และท้องผูกประจำ บางคนพยายามทานผัก ทานน้ำ ทานอะไรก็ตาม นึกว่าตัวเองทานผักน้อย เอาเข้าจริงๆ ไม่ใช่ มีเนื้องอกก็มี ถ้าใหญ่มากๆ ไปกดอวัยวะข้างๆ ก็จะมีอาการปวดตามมา พวกนี้จะมาด้วยอาการคลำพบก้อน มีอาการทางปัสสาวะ หรืออุจจาระ อาจจะมีอาการปวดตามมา
แบบที่2 จะเป็นเนื้องอกที่อยู่ตรงกลาง คิดง่ายๆ เหมือนผนังมดลูกเราเป็นกำแพง ไอ้เจ้านี่จะอยู่ตรงกลางเลย ไม่งอกออกมาข้างนอก ไม่งอกออกมาข้างใน ฉะนั้นเนื้องอกกลุ่มนี้จะรักษายากที่สุด คือไม่มีอาการ เขาจะแทรกตัวอยู่ในชั้นเหมือนกับซ่อนอยู่ในกำแพงเลย ก็ไม่ปูดออกมาข้างนอกและข้างใน จึงไม่มีอาการอะไร มักจะตรวจเจอด้วยความบังเอิญ
เนื้องอกแบบที่3 เป็นเนื้องอกแบบที่ไม่ได้ปวดออกมาข้างนอก เเต่เป็นติ่งยื่นเข้าไปข้างใน เนื้องอกพวกนี้จะไปเบียดบังโพรงมดลูก คือ มดลูกเรามีช่องว่างตรงกลาง โพรงมดลูกเป็นที่ที่ประจำเดือนไหลออกมาเเละเป็นที่ที่มดลูกฝังตัว ฉะนั้นคนไข้ที่มีเนื้องอกออกมาข้างในมักจะมีอาการ คือ ประจำเดือนผิดปกติ นอกจากประจำเดือนแล้ว ยังมีเลือดออกจากเนื้องอกตามมา บางคนประจำเดือนหมดไปแล้ว ก็มีกระปริกระปรอยออกมา บางทีเกิดจากเนื้องอกพวกนี้ ฉะนั้นอาการแรกจะเป็นอย่างนี้
อาการที่2 เวลามีเลือดออกเรื่อยๆ มีการระค่ายเคืองจากเนื้องอก บางทีจะมีตกขาวผิดปกติ มีอาการอักเสบ หรือเป็นหนอง อะไรตามมาได้ เนื้องอกแบบนี้เมื่อเข้ามาอยู่ในโพรงมดลูก เขาจะขัดขวางการฝังตัวของลูก ดังนั้นเนื้องอกพวกนี้จะเป็นสาเหตุในการมีบุตรยากด้วย
ยังมีเนื้องอกอีกชนิดหนึ่งที่ไม่เป็นก้อนแบบนี้ แต่เป็นเนื้องอกที่เหมือนกับเขาแทรกเข้าไปในตัวมดลูกทั้งใบเลย เราเรียกว่าช็อกโกแล็ตซีส (Chocolate cyst) หรือ โรคที่ทางการแพทย์เรียกว่า "เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิด" (Endometriosis) พวกนี้แทรกเข้าไปอยู่ในมดลูกทั้งใบ ฉะนั้นเนื้องอกแบบนี้อาการที่เรามีคือ จะปวดเวลามีประจำเดือน และมักจะเป็นปัญหาในกรณีนี้คือ อย่างเนื้องอกก้อนๆ เวลาเราผ่าออกได้ แต่เนื้องอกที่แทรกอยู่ทั้งมดลูก ไม่รู้จะผ่าตรงไหน คือ ผ่าแล้วเสียมดลูกไปด้วย อันนี้ก็รักษายากกว่า
ส่วนเนื้องอกที่เป็นเหมือนถุงน้ำ (ซีส) ที่มดลูกก็มีได้เหมือนกันคือ ถุงน้ำที่เกิดจากต่อมต่างๆ ของบริเวณปากมดลูกที่เราเจอบ่อย และซีสอีกอย่างทีเราเจอมาก คือ ซีสที่ไปอยู่บริเวณรังไข่ 2 ข้าง ซีสพวกนี้หลายๆ ครั้งก็อาจจะเป็นซีสน้ำใสๆ พวกนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน บางครั้งเราต้องให้ฮอร์โมนไปรักษาถึงจะยุบได้ หลายๆ ครั้งจะเกิดจากเลือดประจำเดือนไหลย้อนแล้วไปสะสม พวกนี้อาจจะทำให้รังไข่ถูกทำลายด้วยซีสพวกนี้ และข้างในซีสจะเป็นเลือดประจำเดือนเก่าๆ สีน้ำตาล สีเหมือนช็อกโกแล็ต เขาจึงเรียกว่า ช็อกโกแล็ตซีส พวกนี้การรักษาก็มีทั้งการให้ยา และอาจจะต้องผ่าออก เพราะฉะนั้นช็อกโกแล็ตซีสจะเป็นสาเหตุสำคัญของการมีลูกยากด้วย ดังนั้นทุกคนที่ปวดประจำเดือนให้ไปตรวจ อย่างไรก็ตาม จะมีช็อกโกแล็ตซีสซ่อนอยู่ไม่มากก็น้อย”
พบเร็ว รักษาง่าย!
การรักษาเราจะแยกเป็นสาเหตุ คือ อันดับแรก มีอาการไหม เช่น อย่างที่ปูดออกมาข้างนอก มีอาการคือ ไปกดเบียด ปัสสาวะมีปัญหา พวกนี้อาจจะต้องเอาออก มิฉะนั้นจะไปกดเบียดอวัยวะต่างๆ เนื้องอกพวกที่แทรกอยู่ในกล้ามเนื้อ หรือช็อกโกแล็ตซีส สาเหตุมาจากประจำเดือนไหลย้อนแล้วไปสะสมข้างใน การรักษาคือ อาจใช้วิธีหยุดประจำเดือน ให้ยาฉีดฮอร์โมนไปเพื่อบล็อกประจำเดือนไว้เลย ไม่ให้ประจำเดือนมา ก็จะไม่มีอาการปวดท้อง และเนื้องอกก็จะฝ่อลง เดี๋ยวพอเราอายุ 45 หรือ 48 ระบบประจำเดือนจะหยุดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ส่วนการผ่าตัดแน่นอนว่าเป็นการรักษาที่เด็ดขาด คือ กำจัดเอาตัวก้อนออกได้เลย แต่การรักษาโดยการผ่าตัด หลายๆ ครั้งเราควรคำนึงถึงคนไข้ด้วยว่า คนไข้ยังต้องการจะมีลูกอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะหลายๆ ครั้งที่เราผ่าตัดมดลูก เนื้องอกก้อนใหญ่ พอเราตัดแล้วมดลูกเสียสภาพไป โพรงมดลูกเบี้ยวไปคนไข้อาจท้องไม่ได้อีก ฉะนั้นถ้าคนไข้มีบุตรพอแล้ว การรักษาจะง่ายคือ การตัดตัวเนื้องอกออก หรือถ้าเรากลัวจะเป็นซ้ำ ตัดทั้งโพรงมดลูกออกเลยก็ได้ ถ้าเป็นส่วนที่ผ่าตัดไม่ได้ คือ ยังต้องการมีบุตรอยู่ เราอาจจะต้องใช้วิธี เช่น ฉีดยาฮอร์โมน หรือ รับประทานฮอร์โมนเพื่อรักษาโรค มันจะยับยั้งลงได้เพียงชั่วคราว ยับยั้งลงระหว่างนั้นก็รีบรักษาให้เขามีบุตรซะ หลังจากนั้นถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วถึงเวลา ถ้าก้อนโตขึ้นเราก็จะผ่าตัดรักษาได้
การรักษาโดยการใช้ฮอร์โมนจะมีผลข้างเคียงมันจะไปรบกวนประจำเดือนปกติของเราทำให้ประจำเดือนไม่มา อาจจะทำให้มีเลือดกระปริกระปรอย มีผลต่อน้ำหนักตัว บางคนจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้บ้าง หรือมีสิวฝ้าเพิ่มขึ้นได้บ้าง มันก็เป็นผลข้างเคียงที่ถ้ามันจำเป็นก็ต้องใช้
ปกติเราผ่าตัดจะคุ้นเคยกับแผลใหญ่ๆ บางคนเห็นแผลเป็นเป็นตะขาบใหญ่ๆ เพราะว่าเรามีก้อนเท่าไหร่ ใหญ่เท่าไหร่ก็ต้องเปิดแผลใหญ่เท่านั้น ปัจจุบันนี้ด้วยความก้าวหน้าในปัจจุบันเราสามารถใช้กล้อง เป็นกล้องผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตรเท่านั้น เดี๋ยวนี้กล้องใหม่ๆ บางรุ่น 2 มิลลิเมตรก็มี ฉะนั้นกล้องนี้เราส่องเปิดเป็นแผลเล็กๆ เท่านั้น แล้วส่องกล้องเข้าไปดูแทนตาเรา เสร็จแล้วเราจะเปิดแผลเล็กๆ ด้านล่างอีก 1-2 แผล เพื่อใส่เครื่องมือเข้าไปตัดตัวก้อน หรือผ่าตัดเนื้องอกพังผืด ทำอะไรได้มากมายนอกเหนือจากการตัดเนื้องอกแล้ว ข้อดีด้านการพัฒนาด้านกล้องคือ แผลจะเล็กลง การฉีกขาดของผิวหนัง หรือกล้ามเนื้อ หรือชั้นต่างๆ ที่คลุมกล้ามเนื้ออยู่ก็จะน้อยลง เราจะเจ็บแผลน้อยลงมาก หลังผ่าตัดเสร็จเราสามารถลุกเดินได้เลย สะดวกมากขึ้น และคนไข้ไม่เจ็บ ปัจจุบันการผ่าตัดด้วยกล้องเสียเลือดน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลด้วย
ข้อเสียของการผ่าตัดด้วยกล้องปัจจุบันเราถือว่ามีราคาสูง เพราะเป็นเครื่องมือที่เรานำเข้า หลายๆ อย่างในกล้องใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเพื่อให้คงความคมของใบมีดต่างๆ และในแง่ของการไม่ให้มีการแพร่โรคต่อไป” คุณหมอพูนศักดิ์ กล่าว
“นานา” เตือน อย่ามองข้ามอาการปวดประจำเดือน
ภายในงานยังมีดาราสาวมากความสามารถอย่าง นานา ไรบีนา มาร่วมเล่าประสบการณ์ปวดประจำเดือนทวีความรุนแรงขึ้นเพราะเป็นช็อกโกแล็ตซีสอีกด้วย โดยเธอได้รับการผ่าตัดด้วยวิธีการส่องกล้อง ซึ่งเป็นวิธีที่เธอเลือกเพราะคำว่า "ปลอดภัย พักฟื้นน้อย ไม่เจ็บ”
“นานาตรวจความพร้อมกับคุณหมอก่อนมีลูก แต่ก็เจอช็อกโกแล็ตซีสเล็กก่อน ผ่านไปหลังจากแต่งงานเล็กน้อย คุณหมอบอกว่า พยายามมีบุตร เพราะการมีบุตรเป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัดแต่ก็ไม่สำเร็จ 3 เดือนหลังจากนั้นโตขึ้นมาแบบเร็วมาก คุณหมอจึงบอกว่าต้องผ่าตัดแล้ว เดี๋ยวมันจะกินรังไข่เราไปมากกว่านี้ ก่อนหน้านี้นานาปวดท้องมาก และมันมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่แต่ก่อนนานาไม่เคยปวดเลย หลังจากนั้นปวดขึ้นเรื่อยๆ แม่ก็บอกว่ารีบมีลูก เดี๋ยวมีลูกก็หาย ก็ยังไม่มีสักที จนปวดขึ้นเรื่อยๆ มีอยู่วันหนึ่งนานาปวดจนเป็นลมไปเลย คือ ปวดจนทำงานไมได้ หลังจากนั้นก็กลับมาหาคุณหมอ บอกว่านานาปวดมาก คุณหมอก็เลยดูว่า มันใหญ่ขึ้นเร็วมาก” นานา เล่าประสบการ์เสร็จ คุณหมอขยายความต่อว่า
"ในช่องท้องเราเวลามีเลือดมันจะปวด ฉะนั้นรอบเดือน นอกจากเลือดไหลไปข้างนอกยังไหลไปข้างในด้วย เวลาปวดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่ามันสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าถึง 5 เซนติเมตรเมื่อไหร่ก็ต้องผ่าตัดแล้ว อย่างคุณแม่คุณนานาเก่งมากเลยเหมือนกับหมอ วิธีรักษาคือ มีลูก ถูกต้องเลย เพราะตอนเราท้อง 9 เดือน เราไม่มีประจำเดือน เลยทำให้โรคฝ่อลงไปด้วย แต่ในระหว่างที่เรารอ ถ้ามันใหญ่ขึ้นปวดมากขึ้น มันก็ขยายมากขึ้นจากการที่มีประจำเดือนไปสะสม ถ้าเราไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ปล่อยให้มันไปกินรังไข่ไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นมีลูกไม่ได้ เรื่องจะรักษาด้วยการมีลูกก็จบไป หวังจะให้มีลูกเพื่อรักษาอาการปวดท้องก็เป็นไปไม่ได้"
ทั้งนี้นานาหวั่นรอยแผลหลังการผ่าตัดอย่างยิ่ง “ก่อนจะผ่าตัดคุณหมอให้ไปเที่ยวก่อนด้วย คือ นานา กังวลว่าแผลจะมีรอยไหม แล้วเวลาใส่ชุดว่ายน้ำล่ะ เราก็กลัวว่าจะมีแผล โทรหาคุณหมอก็บอกว่าไม่มีอะไรคุณหมอบอกว่า พอผ่าเสร็จแผลจะนิดเดียว จนถึงวันที่ผ่าตัดนานาก็ยังตื่นเต้น เข้าไปไม่ถึง 5 นาที นานาก็หลับ ตื่นมาอีกทีอยู่ในห้องพักฟื้นแล้ว ประมาณ 2 ชั่วโมง ของนานาเยอะ มีพังผืดด้วย คุณหมอเลยจัดการให้หมดเลย หลังจากนั้นอยู่โรงพยาบาลมาแค่ 3 วัน จากนั้นนานาก็ไปทำงานต่อเลย แต่มันจะมีเรื่องของแก๊สที่ยังอยู่ในร่างกายบ้าง
และมีแผลแค่ตรงบิกินี่ไลน์ (Bikini Line) นิดหนึ่ง เพราะนานากลัวเรื่องใส่ชุดว่ายน้ำมาก นานาเลือกวิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง เพราะนานาคิดว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเรา เราเจอปัญหาเร็วแล้วแก้อย่างถูกจุด นานาคิดว่าเป็นวิธีรักษาที่ดีมากเลยค่ะ วิธีการรักษาทีเราเลือกก็ตรงกับโรคที่เราเป็นด้วย”
คุณหมอพูนศักดิ์ ตอบข้อสงสัยที่ว่า หากช็อกโกแล็ตซีสโผล่ขึ้นมาอีกจะทำอย่างไรล่ะ
"หลังจากผ่าตัดเสร็จ เดี๋ยวเดือนต่อไปเราก็ต้องมีประจำเดือน ก็จะมีช็อกโกแล็ตซีสอันใหม่มาสะสม ดังนั้นโดยการรักษาอย่างที่ผมเรียนตอนต้น เราอาจฉีดฮอร์โมนเพื่อไปยับยั้งการมีประจำเดือน เหมือนให้โรคมันหยุดไปในตัว แต่การทำแบบนั้น เราก็ยับยั้งการมีประจำเดือนทำให้ท้องไม่ได้ ฉะนั้นจะทำแบบนั้นก็ต้องเป็นคนที่ไม่ได้อยากจะมีลูก ฉะนั้นในการรักษา ถ้าคนไหนที่ยังไม่ได้อยากจะมีลูกต้องฉีดไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการมีบุตรยากในอนาคตด้วย และรักษาโรคไปด้วย เขาพร้อมจะมีลูกเมื่อไหร่เราก็หยุดฉีด ปล่อยให้ประจำเดือนมา แล้วรีบช่วยให้เขามีบุตร
กรณีของคุณนานาหรือคนไข้ท่านอื่นที่อยากจะมีบุตร พอเราตัดซีสออกหมดเรียบร้อยแล้ว เราจะคุยเรื่องการมีบุตร เริ่มมีการวางแผน พอช่วงตั้งครรภ์อีก 9 เดือน เราก็ไม่มีประจำเดือนโรคมันก็จะยิ่งฝ่อลง เหมือนคนโบราณบอกว่า ปวดประจำเดือนมีลูกแล้วมันจะดีขึ้น เพราะในระหว่างที่มีลูก โรคมันสงบลง พอคลอดลูก มีลูกอีกคน ซีสก็สงบไป คลอดลูกคนที่ 2”
นานาแนะนำผู้หญิงทุกคนปิดท้ายว่า "นานาคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายเรา เราต้องดูแลอยู่เรื่อยๆ นานาเองเป็นคนที่นิสัยไม่ดีมาก่อนหน้านี้ คือ ถ้าไม่แต่งงานก็คงไม่อยากจะไปตรวจว่าเป็นอะไรหรือเปล่า พวกเราตรวจเจอก็ทำให้รู้ว่าเราเป็นอะไร เราจะได้รักษาอย่างถูกต้อง เพื่อนๆ นานาก็รักษากันเยอะ บางคนยังไม่แต่งงาน พอปวดประจำเดือนก็เลยบอกเขาว่า มันมีโอกาสเป็นเยอะมาก เพราะคุณหมอบอกว่า 10 คน มีโอกาสเป็นได้ 2-3 คน
เพื่อนบางคนพอเห็นนานาผ่าก็ไปตรวจเหมือนกัน บางคนเจอเล็ก บางคนเจอก็ไปผ่าเหมือนนานาก็มี ได้รับแรงบันดาลใจจากนานา เราอย่าคิดว่า การปวดประจำเดือนเป็นเรื่องเล็ก ปวดปุ้บต้องรีบไปพบคุณหมอทันทีค่ะ”
*คลิกอ่าน สุขภาพภายในคาใจสาวเรา โดย นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช
ชัวร์หรือมั่ว! โหมกินไวอากร้าแล้วเกิดอาการ"หูดับ"!?
ความเชื่อที่ว่า-กินยาคุมแล้วมดลูกแห้ง เซ็กซ์ฝ่อ ตับพัง-จริงหรือไม่!?
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
“โอ้ย! ปวดประจำเดือน” หรือ “เอ๊ะ! คลำเจอก้อนอะไรไม่รู้” นี่คือ สัญญาณบอกเหตุของโรคเนื้องอกในมดลูกแล้วล่ะจ้า อย่าเพิกเฉย หรือวางใจเด็ดขาด! ยิ่งเจอเร็วยิ่งรักษาง่าย แล้วไม่สงสัยบ้างเหรอ แล้วทำไมปัจจุบันนี้พบผู้หญิงเป็นเนื้องอกในมดลูกพรึ่บพรั่บไปหมด
งั้น...เราขอเก็บตกจากงานสัมมนา “เนื้องอกในผู้หญิง 1 ใน 4 คนต้องเจอแน่!!!” จากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่นโดย นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
อึ้ง! หมอพบผู้หญิงเป็นเนื้องอกในมดลูกแทบทุกคน
“โรคที่เกี่ยวกับอวัยวะของผู้หญิง เช่น มดลูก หรือรังไข่ เป็นโรคที่มีมานานแล้ว เพียงแต่เราจะเห็นว่าหลังๆ เพิ่งมาตื่นตัวกันเพราะว่า ตอนนี้มีอุปกรณ์สามารถพบได้เร็วขึ้น
สมัยก่อนเราอาจจะนึกว่า ทำไมเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเป็นเนื้องอกกันเยอะ ตัดมดลูกกันเยอะจังเลย ถามดูประมาณ 10 คน ตัดมดลูกกันแล้ว จริงๆ โรคนี้มีมาตั้งนานแล้ว แต่สมัยก่อนเราไม่ได้ตรวจ อย่างพวกหมอเวลาเราเรียนตอนเป็นนักเรียนแพทย์จะมีการผ่าศพอาจารย์ใหญ่ จะต้องมีการศึกษาประวัติท่านว่า ท่านเสียชีวิตด้วยอะไร บางท่านก็มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน แต่พอผ่าลงไปถึงมดลูกเจอเนื้องอกแทบทุกคน มีไม่มากก็น้อย แต่แทบทุกคน พูดง่ายๆ บางท่านยังไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นเนื้องอก
นั่นหมายความว่าบางคนอาจจะเป็นเนื้องอกโดยไม่รู้ตัว เนื้องอกบางอย่างอาจไม่มีอันตราย คือ ฟังแล้วไม่ต้องตกใจ ถึงจะมีเนื้องอกอยู่เราก็สามารถอยู่ร่วมกับเนื้องอกได้ ถ้าเนื้องอกนั้นไม่เป็นอันตราย เพียงแต่เราต้องรู้ ดูได้ว่ายังเป็นเนื้องอกที่ปลอดภัยอยู่ แล้วเรารู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนเป็นเนื้อไม่ดี เราจะได้จัดการซะ
เนื้องอกคือ เนื้อปกติของเรา ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ อาจจะมีปัจจัยอื่นมากระตุ้น เช่น สารที่ก่อมะเร็ง สารที่ก่อเนื้องอก บางอย่างเป็นพันธุกรรม กระตุ้นให้เนื้อบางบริเวณมีการแบ่งตัวเร็วผิดปกติ มันก็มีขนาดใหญ่ขึ้น คราวนี้ตัวเนื้องอกมันใหญ่ขึ้น หลายๆ ครั้ง ตัวเนื้องอกเองไม่ได้ทำอันตรายเรา การที่ตัวเนื้องอกมีขนาดใหญ่ ก็จะไปกดเบียดอวัยวะข้างๆ ทำให้เกิดการเสียการทำงานของร่างกายแล้วทำให้เป็นโรค เกิดขึ้นทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ปัจจุบันเราจึงทำนายไม่ได้ สมมติถ้าถามว่าเนื้องอกเกิดจากอะไร คำตอบก็คือ เรายังไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดกับบางคน มันเป็นอย่างนี้เราไม่รู้ว่าจะเกิดกับใคร ทุกคนก็ต้องตรวจ ตรวจเหมือนตรวจสุขภาพ
โดยปกติที่เราแนะนำคุณผู้หญิงให้มาตรวจภายใน พบว่าอวัยวะภายในของผู้หญิง คือ มดลูก รังไข่ เป็นอวัยวะที่ซ่อนอยู่ใต้เข็มขัด ทุกคนถ้ามีมดลูก มีรังไข่ปกติ จะไม่สามารถคลำเจอมดลูกกับรังไข่ของตัวเอง ฉะนั้นคนที่จะตรวจได้คือ คุณหมอตอนตรวจภายใน เราจึงแนะนำว่าให้มาตรวจดูภายในอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง สำหรับผู้หญิงที่มีอายุเกิน 25 ปีขึ้นไป
ทุกครั้งที่ตรวจ คุณหมอจะใช้โอกาสนั้นคลำดูว่ามดลูกมีขนาดใหญ่ งอก เป็นตะปุ่มตะป่ำอะไรหรือเปล่า จะเป็นที่มาที่ทำให้เราสามารถรู้ตัวเองได้ว่าเป็นเนื้องอกตั้งแต่ต้น เนื้องอกขนาดเล็ก บางทีไม่มีอาการ เราจะใช้ชีวิตของเราไป ถ้าเราไม่ตรวจ กว่าจะมาเจอรอจนมีอาการมันอาจจะเป็นเนื้อที่ใหญ่แล้ว อาจจะเป็นเนื้อร้ายแล้วก็ได้
เนื้องอกแบ่งเป็นเนื้องอกที่ไม่เป็นอันตราย และเป็นอันตรายเป็นเนื้อร้าย เนื้องอกธรรมดาหลายๆ อย่างอาจจะกลายเป็นเนื้อร้ายได้ ฉะนั้นหากเราทิ้งไว้นานๆ พอเนื้องอกมีการแบ่งเซลล์อย่างไม่หยุดยั้งมันก็จะกลายเป็นอย่างทีเราเรียกว่ามะเร็ง คือ โตอย่างไม่มีขีดจำกัด และทำให้เราเสียชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่า 100% ที่เจอเนื้องอกจะกลายเป็นเนื้อร้าย ฉะนั้นเรื่องของการมาตรวจประจำปีสำคัญที่สุดอย่างน้อยตอนนี้ถือว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันตรงนี้”
เนื้องอกมี 4 สไตล์!
“ปัจจุบันนอกจากการตรวจภายในแล้ว หลายๆ ครั้ง ถ้าคลำดูเนื้องอกมีลักษณะผิดปกติ อาจจะมีการตรวจเพิ่มเติม คือ อัลตราซาวด์ (Ultrasound) จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก การช่วยให้เราตรวจพบในก้อนเล็กๆ เนื้องอกมีหลากหลายรูปแบบ มดลูกซ่อนอยู่ในพื้นที่เท่ากับกางเกงในเราเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเราคลำจากข้างบนก็ไม่เจอ ตรวจคลำจากทางช่องคลอดมาก็ไม่ถึง ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการช่วยดู เวลาเราพูดถึงเนื้องอก ถ้าเราพูดกว้างๆ มันอาจจะหมายความรวมถึงก้อนที่เป็นเนื้อเเข็งๆ หรือเป็นน้ำ ทีนี้ถ้าเราจะแบ่งกลุ่มเนื้องอกกว้างๆ เราจะเรียกได้ว่า เป็นก้อนเนื้อแข็งๆ กับอันที่2 เป็นถุงน้ำ
อันที่1 ส่วนที่เป็นเนื้องอกแข็งๆ เราจะแบ่งออกได้เป็น 4 อย่าง เนื้องอกที่เราพบคือ เนื้องอกที่จะอยู่ที่ผิวนอก ซึ่งเนื้องอกแบบนี้มันจะนูนออกมาให้เรารู้สึกได้ เนื้องอกแบบนี้จะเป็นเนื้องอกที่เราตรวจพบได้เร็วที่สุด เวลาตรวจภายในหมอสามารถคลำดูและพบได้ว่ามันมีอะไรตะปุ่มตะป่ำ เราก็อาจจะอัลตราซาวด์ดูได้ว่า ตรงนี้เป็นเนื้องอก ผิดปกติอย่างไร
เนื้องอกพวกนี้เมื่องอกออกมาข้างนอก ก็มักจะมีอาการทำให้เรารู้ตัวได้เร็ว ก็คือ มดลูกจะอยู่ติดกับท่อปัสสาวะ ถ้าเนื้องอกงอกมาด้านหน้าก็จะมากดเบียดท่อปัสสาวะ คนไข้จะมีอาการปัสสาวะบ่อย เหมือนกระเพาะปัสสาวะเราถูกกดอยู่ตลอดเวลา พอถูกกดสักครู่ก็เหมือนน้ำเต็มแล้ว บางคนถ้าเนื้องอกใหญ่มากๆ คลำเจอก็มีนอนอยู่คลำเจอก้อนอะไร หรือก้อนที่งอกออกมาอยู่ด้านหลัง จะไปกดเบียดลำไส้
คนไข้กลุ่มนี้จะมีอาการคือ ถ่ายลำบาก ถ่ายอุจจาระเป็นก้อนแข็ง และท้องผูกประจำ บางคนพยายามทานผัก ทานน้ำ ทานอะไรก็ตาม นึกว่าตัวเองทานผักน้อย เอาเข้าจริงๆ ไม่ใช่ มีเนื้องอกก็มี ถ้าใหญ่มากๆ ไปกดอวัยวะข้างๆ ก็จะมีอาการปวดตามมา พวกนี้จะมาด้วยอาการคลำพบก้อน มีอาการทางปัสสาวะ หรืออุจจาระ อาจจะมีอาการปวดตามมา
แบบที่2 จะเป็นเนื้องอกที่อยู่ตรงกลาง คิดง่ายๆ เหมือนผนังมดลูกเราเป็นกำแพง ไอ้เจ้านี่จะอยู่ตรงกลางเลย ไม่งอกออกมาข้างนอก ไม่งอกออกมาข้างใน ฉะนั้นเนื้องอกกลุ่มนี้จะรักษายากที่สุด คือไม่มีอาการ เขาจะแทรกตัวอยู่ในชั้นเหมือนกับซ่อนอยู่ในกำแพงเลย ก็ไม่ปูดออกมาข้างนอกและข้างใน จึงไม่มีอาการอะไร มักจะตรวจเจอด้วยความบังเอิญ
เนื้องอกแบบที่3 เป็นเนื้องอกแบบที่ไม่ได้ปวดออกมาข้างนอก เเต่เป็นติ่งยื่นเข้าไปข้างใน เนื้องอกพวกนี้จะไปเบียดบังโพรงมดลูก คือ มดลูกเรามีช่องว่างตรงกลาง โพรงมดลูกเป็นที่ที่ประจำเดือนไหลออกมาเเละเป็นที่ที่มดลูกฝังตัว ฉะนั้นคนไข้ที่มีเนื้องอกออกมาข้างในมักจะมีอาการ คือ ประจำเดือนผิดปกติ นอกจากประจำเดือนแล้ว ยังมีเลือดออกจากเนื้องอกตามมา บางคนประจำเดือนหมดไปแล้ว ก็มีกระปริกระปรอยออกมา บางทีเกิดจากเนื้องอกพวกนี้ ฉะนั้นอาการแรกจะเป็นอย่างนี้
อาการที่2 เวลามีเลือดออกเรื่อยๆ มีการระค่ายเคืองจากเนื้องอก บางทีจะมีตกขาวผิดปกติ มีอาการอักเสบ หรือเป็นหนอง อะไรตามมาได้ เนื้องอกแบบนี้เมื่อเข้ามาอยู่ในโพรงมดลูก เขาจะขัดขวางการฝังตัวของลูก ดังนั้นเนื้องอกพวกนี้จะเป็นสาเหตุในการมีบุตรยากด้วย
ยังมีเนื้องอกอีกชนิดหนึ่งที่ไม่เป็นก้อนแบบนี้ แต่เป็นเนื้องอกที่เหมือนกับเขาแทรกเข้าไปในตัวมดลูกทั้งใบเลย เราเรียกว่าช็อกโกแล็ตซีส (Chocolate cyst) หรือ โรคที่ทางการแพทย์เรียกว่า "เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิด" (Endometriosis) พวกนี้แทรกเข้าไปอยู่ในมดลูกทั้งใบ ฉะนั้นเนื้องอกแบบนี้อาการที่เรามีคือ จะปวดเวลามีประจำเดือน และมักจะเป็นปัญหาในกรณีนี้คือ อย่างเนื้องอกก้อนๆ เวลาเราผ่าออกได้ แต่เนื้องอกที่แทรกอยู่ทั้งมดลูก ไม่รู้จะผ่าตรงไหน คือ ผ่าแล้วเสียมดลูกไปด้วย อันนี้ก็รักษายากกว่า
ส่วนเนื้องอกที่เป็นเหมือนถุงน้ำ (ซีส) ที่มดลูกก็มีได้เหมือนกันคือ ถุงน้ำที่เกิดจากต่อมต่างๆ ของบริเวณปากมดลูกที่เราเจอบ่อย และซีสอีกอย่างทีเราเจอมาก คือ ซีสที่ไปอยู่บริเวณรังไข่ 2 ข้าง ซีสพวกนี้หลายๆ ครั้งก็อาจจะเป็นซีสน้ำใสๆ พวกนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน บางครั้งเราต้องให้ฮอร์โมนไปรักษาถึงจะยุบได้ หลายๆ ครั้งจะเกิดจากเลือดประจำเดือนไหลย้อนแล้วไปสะสม พวกนี้อาจจะทำให้รังไข่ถูกทำลายด้วยซีสพวกนี้ และข้างในซีสจะเป็นเลือดประจำเดือนเก่าๆ สีน้ำตาล สีเหมือนช็อกโกแล็ต เขาจึงเรียกว่า ช็อกโกแล็ตซีส พวกนี้การรักษาก็มีทั้งการให้ยา และอาจจะต้องผ่าออก เพราะฉะนั้นช็อกโกแล็ตซีสจะเป็นสาเหตุสำคัญของการมีลูกยากด้วย ดังนั้นทุกคนที่ปวดประจำเดือนให้ไปตรวจ อย่างไรก็ตาม จะมีช็อกโกแล็ตซีสซ่อนอยู่ไม่มากก็น้อย”
พบเร็ว รักษาง่าย!
การรักษาเราจะแยกเป็นสาเหตุ คือ อันดับแรก มีอาการไหม เช่น อย่างที่ปูดออกมาข้างนอก มีอาการคือ ไปกดเบียด ปัสสาวะมีปัญหา พวกนี้อาจจะต้องเอาออก มิฉะนั้นจะไปกดเบียดอวัยวะต่างๆ เนื้องอกพวกที่แทรกอยู่ในกล้ามเนื้อ หรือช็อกโกแล็ตซีส สาเหตุมาจากประจำเดือนไหลย้อนแล้วไปสะสมข้างใน การรักษาคือ อาจใช้วิธีหยุดประจำเดือน ให้ยาฉีดฮอร์โมนไปเพื่อบล็อกประจำเดือนไว้เลย ไม่ให้ประจำเดือนมา ก็จะไม่มีอาการปวดท้อง และเนื้องอกก็จะฝ่อลง เดี๋ยวพอเราอายุ 45 หรือ 48 ระบบประจำเดือนจะหยุดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ส่วนการผ่าตัดแน่นอนว่าเป็นการรักษาที่เด็ดขาด คือ กำจัดเอาตัวก้อนออกได้เลย แต่การรักษาโดยการผ่าตัด หลายๆ ครั้งเราควรคำนึงถึงคนไข้ด้วยว่า คนไข้ยังต้องการจะมีลูกอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะหลายๆ ครั้งที่เราผ่าตัดมดลูก เนื้องอกก้อนใหญ่ พอเราตัดแล้วมดลูกเสียสภาพไป โพรงมดลูกเบี้ยวไปคนไข้อาจท้องไม่ได้อีก ฉะนั้นถ้าคนไข้มีบุตรพอแล้ว การรักษาจะง่ายคือ การตัดตัวเนื้องอกออก หรือถ้าเรากลัวจะเป็นซ้ำ ตัดทั้งโพรงมดลูกออกเลยก็ได้ ถ้าเป็นส่วนที่ผ่าตัดไม่ได้ คือ ยังต้องการมีบุตรอยู่ เราอาจจะต้องใช้วิธี เช่น ฉีดยาฮอร์โมน หรือ รับประทานฮอร์โมนเพื่อรักษาโรค มันจะยับยั้งลงได้เพียงชั่วคราว ยับยั้งลงระหว่างนั้นก็รีบรักษาให้เขามีบุตรซะ หลังจากนั้นถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วถึงเวลา ถ้าก้อนโตขึ้นเราก็จะผ่าตัดรักษาได้
การรักษาโดยการใช้ฮอร์โมนจะมีผลข้างเคียงมันจะไปรบกวนประจำเดือนปกติของเราทำให้ประจำเดือนไม่มา อาจจะทำให้มีเลือดกระปริกระปรอย มีผลต่อน้ำหนักตัว บางคนจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้บ้าง หรือมีสิวฝ้าเพิ่มขึ้นได้บ้าง มันก็เป็นผลข้างเคียงที่ถ้ามันจำเป็นก็ต้องใช้
ปกติเราผ่าตัดจะคุ้นเคยกับแผลใหญ่ๆ บางคนเห็นแผลเป็นเป็นตะขาบใหญ่ๆ เพราะว่าเรามีก้อนเท่าไหร่ ใหญ่เท่าไหร่ก็ต้องเปิดแผลใหญ่เท่านั้น ปัจจุบันนี้ด้วยความก้าวหน้าในปัจจุบันเราสามารถใช้กล้อง เป็นกล้องผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตรเท่านั้น เดี๋ยวนี้กล้องใหม่ๆ บางรุ่น 2 มิลลิเมตรก็มี ฉะนั้นกล้องนี้เราส่องเปิดเป็นแผลเล็กๆ เท่านั้น แล้วส่องกล้องเข้าไปดูแทนตาเรา เสร็จแล้วเราจะเปิดแผลเล็กๆ ด้านล่างอีก 1-2 แผล เพื่อใส่เครื่องมือเข้าไปตัดตัวก้อน หรือผ่าตัดเนื้องอกพังผืด ทำอะไรได้มากมายนอกเหนือจากการตัดเนื้องอกแล้ว ข้อดีด้านการพัฒนาด้านกล้องคือ แผลจะเล็กลง การฉีกขาดของผิวหนัง หรือกล้ามเนื้อ หรือชั้นต่างๆ ที่คลุมกล้ามเนื้ออยู่ก็จะน้อยลง เราจะเจ็บแผลน้อยลงมาก หลังผ่าตัดเสร็จเราสามารถลุกเดินได้เลย สะดวกมากขึ้น และคนไข้ไม่เจ็บ ปัจจุบันการผ่าตัดด้วยกล้องเสียเลือดน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลด้วย
ข้อเสียของการผ่าตัดด้วยกล้องปัจจุบันเราถือว่ามีราคาสูง เพราะเป็นเครื่องมือที่เรานำเข้า หลายๆ อย่างในกล้องใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเพื่อให้คงความคมของใบมีดต่างๆ และในแง่ของการไม่ให้มีการแพร่โรคต่อไป” คุณหมอพูนศักดิ์ กล่าว
“นานา” เตือน อย่ามองข้ามอาการปวดประจำเดือน
ภายในงานยังมีดาราสาวมากความสามารถอย่าง นานา ไรบีนา มาร่วมเล่าประสบการณ์ปวดประจำเดือนทวีความรุนแรงขึ้นเพราะเป็นช็อกโกแล็ตซีสอีกด้วย โดยเธอได้รับการผ่าตัดด้วยวิธีการส่องกล้อง ซึ่งเป็นวิธีที่เธอเลือกเพราะคำว่า "ปลอดภัย พักฟื้นน้อย ไม่เจ็บ”
“นานาตรวจความพร้อมกับคุณหมอก่อนมีลูก แต่ก็เจอช็อกโกแล็ตซีสเล็กก่อน ผ่านไปหลังจากแต่งงานเล็กน้อย คุณหมอบอกว่า พยายามมีบุตร เพราะการมีบุตรเป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัดแต่ก็ไม่สำเร็จ 3 เดือนหลังจากนั้นโตขึ้นมาแบบเร็วมาก คุณหมอจึงบอกว่าต้องผ่าตัดแล้ว เดี๋ยวมันจะกินรังไข่เราไปมากกว่านี้ ก่อนหน้านี้นานาปวดท้องมาก และมันมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่แต่ก่อนนานาไม่เคยปวดเลย หลังจากนั้นปวดขึ้นเรื่อยๆ แม่ก็บอกว่ารีบมีลูก เดี๋ยวมีลูกก็หาย ก็ยังไม่มีสักที จนปวดขึ้นเรื่อยๆ มีอยู่วันหนึ่งนานาปวดจนเป็นลมไปเลย คือ ปวดจนทำงานไมได้ หลังจากนั้นก็กลับมาหาคุณหมอ บอกว่านานาปวดมาก คุณหมอก็เลยดูว่า มันใหญ่ขึ้นเร็วมาก” นานา เล่าประสบการ์เสร็จ คุณหมอขยายความต่อว่า
"ในช่องท้องเราเวลามีเลือดมันจะปวด ฉะนั้นรอบเดือน นอกจากเลือดไหลไปข้างนอกยังไหลไปข้างในด้วย เวลาปวดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่ามันสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าถึง 5 เซนติเมตรเมื่อไหร่ก็ต้องผ่าตัดแล้ว อย่างคุณแม่คุณนานาเก่งมากเลยเหมือนกับหมอ วิธีรักษาคือ มีลูก ถูกต้องเลย เพราะตอนเราท้อง 9 เดือน เราไม่มีประจำเดือน เลยทำให้โรคฝ่อลงไปด้วย แต่ในระหว่างที่เรารอ ถ้ามันใหญ่ขึ้นปวดมากขึ้น มันก็ขยายมากขึ้นจากการที่มีประจำเดือนไปสะสม ถ้าเราไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ปล่อยให้มันไปกินรังไข่ไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นมีลูกไม่ได้ เรื่องจะรักษาด้วยการมีลูกก็จบไป หวังจะให้มีลูกเพื่อรักษาอาการปวดท้องก็เป็นไปไม่ได้"
ทั้งนี้นานาหวั่นรอยแผลหลังการผ่าตัดอย่างยิ่ง “ก่อนจะผ่าตัดคุณหมอให้ไปเที่ยวก่อนด้วย คือ นานา กังวลว่าแผลจะมีรอยไหม แล้วเวลาใส่ชุดว่ายน้ำล่ะ เราก็กลัวว่าจะมีแผล โทรหาคุณหมอก็บอกว่าไม่มีอะไรคุณหมอบอกว่า พอผ่าเสร็จแผลจะนิดเดียว จนถึงวันที่ผ่าตัดนานาก็ยังตื่นเต้น เข้าไปไม่ถึง 5 นาที นานาก็หลับ ตื่นมาอีกทีอยู่ในห้องพักฟื้นแล้ว ประมาณ 2 ชั่วโมง ของนานาเยอะ มีพังผืดด้วย คุณหมอเลยจัดการให้หมดเลย หลังจากนั้นอยู่โรงพยาบาลมาแค่ 3 วัน จากนั้นนานาก็ไปทำงานต่อเลย แต่มันจะมีเรื่องของแก๊สที่ยังอยู่ในร่างกายบ้าง
และมีแผลแค่ตรงบิกินี่ไลน์ (Bikini Line) นิดหนึ่ง เพราะนานากลัวเรื่องใส่ชุดว่ายน้ำมาก นานาเลือกวิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง เพราะนานาคิดว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเรา เราเจอปัญหาเร็วแล้วแก้อย่างถูกจุด นานาคิดว่าเป็นวิธีรักษาที่ดีมากเลยค่ะ วิธีการรักษาทีเราเลือกก็ตรงกับโรคที่เราเป็นด้วย”
คุณหมอพูนศักดิ์ ตอบข้อสงสัยที่ว่า หากช็อกโกแล็ตซีสโผล่ขึ้นมาอีกจะทำอย่างไรล่ะ
"หลังจากผ่าตัดเสร็จ เดี๋ยวเดือนต่อไปเราก็ต้องมีประจำเดือน ก็จะมีช็อกโกแล็ตซีสอันใหม่มาสะสม ดังนั้นโดยการรักษาอย่างที่ผมเรียนตอนต้น เราอาจฉีดฮอร์โมนเพื่อไปยับยั้งการมีประจำเดือน เหมือนให้โรคมันหยุดไปในตัว แต่การทำแบบนั้น เราก็ยับยั้งการมีประจำเดือนทำให้ท้องไม่ได้ ฉะนั้นจะทำแบบนั้นก็ต้องเป็นคนที่ไม่ได้อยากจะมีลูก ฉะนั้นในการรักษา ถ้าคนไหนที่ยังไม่ได้อยากจะมีลูกต้องฉีดไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการมีบุตรยากในอนาคตด้วย และรักษาโรคไปด้วย เขาพร้อมจะมีลูกเมื่อไหร่เราก็หยุดฉีด ปล่อยให้ประจำเดือนมา แล้วรีบช่วยให้เขามีบุตร
กรณีของคุณนานาหรือคนไข้ท่านอื่นที่อยากจะมีบุตร พอเราตัดซีสออกหมดเรียบร้อยแล้ว เราจะคุยเรื่องการมีบุตร เริ่มมีการวางแผน พอช่วงตั้งครรภ์อีก 9 เดือน เราก็ไม่มีประจำเดือนโรคมันก็จะยิ่งฝ่อลง เหมือนคนโบราณบอกว่า ปวดประจำเดือนมีลูกแล้วมันจะดีขึ้น เพราะในระหว่างที่มีลูก โรคมันสงบลง พอคลอดลูก มีลูกอีกคน ซีสก็สงบไป คลอดลูกคนที่ 2”
นานาแนะนำผู้หญิงทุกคนปิดท้ายว่า "นานาคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายเรา เราต้องดูแลอยู่เรื่อยๆ นานาเองเป็นคนที่นิสัยไม่ดีมาก่อนหน้านี้ คือ ถ้าไม่แต่งงานก็คงไม่อยากจะไปตรวจว่าเป็นอะไรหรือเปล่า พวกเราตรวจเจอก็ทำให้รู้ว่าเราเป็นอะไร เราจะได้รักษาอย่างถูกต้อง เพื่อนๆ นานาก็รักษากันเยอะ บางคนยังไม่แต่งงาน พอปวดประจำเดือนก็เลยบอกเขาว่า มันมีโอกาสเป็นเยอะมาก เพราะคุณหมอบอกว่า 10 คน มีโอกาสเป็นได้ 2-3 คน
เพื่อนบางคนพอเห็นนานาผ่าก็ไปตรวจเหมือนกัน บางคนเจอเล็ก บางคนเจอก็ไปผ่าเหมือนนานาก็มี ได้รับแรงบันดาลใจจากนานา เราอย่าคิดว่า การปวดประจำเดือนเป็นเรื่องเล็ก ปวดปุ้บต้องรีบไปพบคุณหมอทันทีค่ะ”
*คลิกอ่าน สุขภาพภายในคาใจสาวเรา โดย นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช
ชัวร์หรือมั่ว! โหมกินไวอากร้าแล้วเกิดอาการ"หูดับ"!?
ความเชื่อที่ว่า-กินยาคุมแล้วมดลูกแห้ง เซ็กซ์ฝ่อ ตับพัง-จริงหรือไม่!?
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net