By Lady Manager
“ยาคุมกำเนิด” คือ ยาเม็ดที่กินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ยาแต่ละเม็ดจะประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์โปรเจสโตเจน (Progestogen) กับฮอร์โมนสังเคราะห์เอสโตรเจน(Estrogen)
ยาคุมนั้นอยู่คู่กับผู้หญิงเรามายาวนาน รู้จักเป็นอย่างดี ป้องการการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ หรือบางคนทานเพื่อความสวยงาม เช่น ลดสิว ผิวใสน้ำมีนวล แม้แต่สาวประเภทสองยังนิยมทานเพื่อให้มีหน้าอก และสะโพกผาย
แต่ใครจะรู้บ้าง ว่าหากทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะเสี่ยงต่ออะไรบ้าง เราต้องรับมืออย่างไร เรามาสอบถามกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกันดีกว่าค่ะกับ นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
กินยาคุมเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก?
คุณหมอพูนศักดิ์ ชี้กินยาคุมไม่ได้เสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกเสมอไป
“ช่องคลอดของเรามันจะมีความเป็นกรดอ่อนๆ พอเราทานยาคุมกำเนิดไป ฮอร์โมนจะเป็นด่างอ่อนๆ พบว่า บางทีมีการติดเชื้อ มีการอักเสบอะไรต่างๆ ง่ายขึ้น และในบางการศึกษาพบว่า ในกลุ่มคนที่ใช้ยาคุมกำเนิดไปนานๆ มีอัตราการเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น
ต้องเรียนว่าเป็นบางกลุ่มการรักษา ฉะนั้นในทางการแพทย์ หรือคนที่ผลิตยาคุมจึงไม่ถือว่าข้อนี้เป็นข้อสำคัญ เพราะในกลุ่มนั้นคือคนที่ใช้นานขึ้น อาจจะเป็นคนที่มีอายุเยอะอยู่แล้ว จึงเกิดปัจจัยเสี่ยง
เพราะคนที่มีเพศสัมพันธ์อยู่เรื่อยๆ มีโอกาสที่จะไปกระแทกกระทั้นที่ปากมดลูก จึงมีการเปลี่ยนแปลง คือ 90% สัมผัสเสร็จไม่ติดเชื้อ แต่มีเพศสัมพันธ์ตลอด เพราะคนที่ยังต้องกินยาคุมตลอดก็คือมี Sex Life ที่ยาวไปเรื่อยๆ อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงตรงนั้นที่ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้นก็ได้”
กินยาคุมนานตับพัง เนื้องอกเต้านม-มดลูก?
อนาคตตับพังเร็วเพราะกินยาคุมเป็นระยะเวลานาน คุณหมอชี้ต่อว่า
“ยาคุมกำเนิดถูกออกแบบมาต่อการคุมในระยะเวลาสั้นๆ 1-3 ปี เพราะการทานยาคุมกำเนิดนานๆ แน่นอน ยาคุมต้องเปลี่ยนในเป็นการออกฤทธิ์ที่ตับ ฉะนั้นตับต้องยึดกรองสารต่างๆ ไม่ว่าอาหารที่เรากิน หรือสารเป็นพิษ เราไปเพิ่มภาระโหลดให้ตับ ในอนาคตตับก็จะเสียเร็วขึ้น อันนี้เป็นผลจากการกินนานๆ
ยาคุมกำเนิดจึงถูกออกแบบมาไว้ว่า ให้ทานในระยะเวลาสั้นๆ เช่น 2-3 ปี เดี๋ยวจะมีลูกอีกจึงทานแค่นี้ ยาคุมกำเนิดจะได้ผลดีหากเราทานทุกวัน ไม่ลืม กินหลายๆ ปีเดี๋ยวก็ต้องลืมสักวัน จึงมีโอกาสเสี่ยง ใครที่คุมระยะเวลานาน 2-3 ปี ต้องใช้วิธีอื่นมากกว่า ฉีดยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงยางอนามัย ฝังยาเข้าที่ท้องแขน เป็นวิธีที่มากกว่า หรือทำหมันไปเลย ฉะนั้นยาคุมไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อไว้กินนานๆ
ประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือ ยาคุมเป็นฮอร์โมน การรับฮอร์โมนเป็นระยะเวลานานๆ ถ้ารับในขณะที่สูงเกินไป คือ ถ้ากิน dose ต่ำๆ ไม่เป็นไร แต่หากกินฮอร์โมนขนาดสูงเกินไป อาจมีเนื้องอกที่เต้านมด้วย คนที่เป็นแบบนั้นคือ เดิมฮอร์โมนเพศหญิงอาจจะน้อยอยู่ พอได้ยาคุมจากยาคุมเข้าไปจึงกลับมาเติมเต็มให้สมบูรณ์ขึ้น แต่ถ้าเราไม่ดูแลให้ดีๆ อยากได้เยอะๆ ก็กินขนาดสูงจึงมีผล มันก็เกิน อะไรที่เกินก็จะเริ่มมีอันตรายแล้ว มีก้อนที่เต้านม มีเนื้องอกที่มดลูก หลายอย่างตอบสนองต่อฮอร์โมนจะมีการโตเร็วขึ้นได้”
กินยาคุมนานมดลูกแห้ง มีลูกยาก?
คุณหมอย้ำกินยาคุมไม่ได้ทำให้มีลูกยาก ในทางกลับกัน ยาคุมมีฤทธิ์เพียงวันเดียวหากไม่ทานต่อเนื่องมีสิทธิ์ท้องได้ง่าย
“คำกล่าวที่ว่า กินยาคุมนานจึงทำให้มีลูกยาก ไม่จริงเลยครับ ทำไมหมอถึงบอกว่าต้องทานยาคุมทุกวันเพราะมันมีฤทธิ์วันเดียวเท่านั้น วันต่อไปไม่ทานก็หมดฤทธิ์ ร่างกายเราก็ท้องได้ ในแง่ของหมอประโยคนี้มันต้องกลับกันครับ ถ้าเรากินไม่สม่ำเสมอจะต้องท้อง ไม่ใช่ว่าพอกินยาไปแล้วหยุดยาจะไม่ท้อง มันไม่จริงครับ
อีกอย่างมดลูกไม่มีแห้งครับ เป็นคำที่ชาวบ้านพูดกันไป ฉะนั้นการกินยาคุมกำเนิดเมื่อหยุดแล้ว ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้มีปัญหาอื่นเช่น มีบุตรยาก เขาก็จะกลับมามีการเจริญพันธุ์ตามปกติ คนที่ยกเป็นกรณีต่างๆเหล่านี้ บางทีอาจเป็นคนที่เขามีปัญหาเรื่องการมีบุตรยากอยู่แล้ว แล้วมาประจวบเหมาะเท่านั้นเอง อย่าไปโทษยาคุม แต่ในการศึกษาจริงๆ ไม่เกี่ยวข้อง การที่มีลูกยากเป็นเพราะฮอร์โมนเราไม่สมดุลต่างหากไม่ใช่เพราะยาคุม”
กินยาคุมอารมณ์ทางเพศหด?
คุณหมอไม่ฟันโช๊ะว่ายาทำทำให้ผู้หญิงไม่อยากเซ็กซ์ แต่เผยว่าอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องของ “ความรู้สึก”
“อันนี้ยังเป็นเรื่องถกเถียงกันอยู่ครับ ในส่วนที่ว่าจริงเขามีการศึกษาอยู่ว่า เก็บตัวอย่างมาแล้วมันเป็นอย่างนั้น แต่เนื่องจากอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องของความรู้สึก
ความรู้สึกจะมีผลกระทบจากเรื่องพื้นฐานทางครอบครัว คู่สมรสหรือผู้ชายที่บ้านอาจจะอ้วนสกปรก หรือสามีไม่อาบน้ำ ความรักมันอาจเกินจะทน ถึงจุดหนึ่งอาจจะไม่ไหว จึงทำให้ไม่อยากมีเซ็กซ์ การศึกษาเหล่านั้นจะพูดถึงเรื่องนี้หรือเปล่า บริษัทที่เขาผลิตยาคุมได้ศึกษาเรื่องนี้ก็ยังไม่พบปัญหา”
*คลิกอ่าน สุขภาพภายในคาใจสาวเรา โดย นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช
ชัวร์หรือมั่ว! โหมกินไวอากร้าแล้วเกิดอาการ"หูดับ"!?
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
“ยาคุมกำเนิด” คือ ยาเม็ดที่กินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ยาแต่ละเม็ดจะประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์โปรเจสโตเจน (Progestogen) กับฮอร์โมนสังเคราะห์เอสโตรเจน(Estrogen)
ยาคุมนั้นอยู่คู่กับผู้หญิงเรามายาวนาน รู้จักเป็นอย่างดี ป้องการการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ หรือบางคนทานเพื่อความสวยงาม เช่น ลดสิว ผิวใสน้ำมีนวล แม้แต่สาวประเภทสองยังนิยมทานเพื่อให้มีหน้าอก และสะโพกผาย
แต่ใครจะรู้บ้าง ว่าหากทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะเสี่ยงต่ออะไรบ้าง เราต้องรับมืออย่างไร เรามาสอบถามกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกันดีกว่าค่ะกับ นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
กินยาคุมเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก?
คุณหมอพูนศักดิ์ ชี้กินยาคุมไม่ได้เสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกเสมอไป
“ช่องคลอดของเรามันจะมีความเป็นกรดอ่อนๆ พอเราทานยาคุมกำเนิดไป ฮอร์โมนจะเป็นด่างอ่อนๆ พบว่า บางทีมีการติดเชื้อ มีการอักเสบอะไรต่างๆ ง่ายขึ้น และในบางการศึกษาพบว่า ในกลุ่มคนที่ใช้ยาคุมกำเนิดไปนานๆ มีอัตราการเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น
ต้องเรียนว่าเป็นบางกลุ่มการรักษา ฉะนั้นในทางการแพทย์ หรือคนที่ผลิตยาคุมจึงไม่ถือว่าข้อนี้เป็นข้อสำคัญ เพราะในกลุ่มนั้นคือคนที่ใช้นานขึ้น อาจจะเป็นคนที่มีอายุเยอะอยู่แล้ว จึงเกิดปัจจัยเสี่ยง
เพราะคนที่มีเพศสัมพันธ์อยู่เรื่อยๆ มีโอกาสที่จะไปกระแทกกระทั้นที่ปากมดลูก จึงมีการเปลี่ยนแปลง คือ 90% สัมผัสเสร็จไม่ติดเชื้อ แต่มีเพศสัมพันธ์ตลอด เพราะคนที่ยังต้องกินยาคุมตลอดก็คือมี Sex Life ที่ยาวไปเรื่อยๆ อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงตรงนั้นที่ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้นก็ได้”
กินยาคุมนานตับพัง เนื้องอกเต้านม-มดลูก?
อนาคตตับพังเร็วเพราะกินยาคุมเป็นระยะเวลานาน คุณหมอชี้ต่อว่า
“ยาคุมกำเนิดถูกออกแบบมาต่อการคุมในระยะเวลาสั้นๆ 1-3 ปี เพราะการทานยาคุมกำเนิดนานๆ แน่นอน ยาคุมต้องเปลี่ยนในเป็นการออกฤทธิ์ที่ตับ ฉะนั้นตับต้องยึดกรองสารต่างๆ ไม่ว่าอาหารที่เรากิน หรือสารเป็นพิษ เราไปเพิ่มภาระโหลดให้ตับ ในอนาคตตับก็จะเสียเร็วขึ้น อันนี้เป็นผลจากการกินนานๆ
ยาคุมกำเนิดจึงถูกออกแบบมาไว้ว่า ให้ทานในระยะเวลาสั้นๆ เช่น 2-3 ปี เดี๋ยวจะมีลูกอีกจึงทานแค่นี้ ยาคุมกำเนิดจะได้ผลดีหากเราทานทุกวัน ไม่ลืม กินหลายๆ ปีเดี๋ยวก็ต้องลืมสักวัน จึงมีโอกาสเสี่ยง ใครที่คุมระยะเวลานาน 2-3 ปี ต้องใช้วิธีอื่นมากกว่า ฉีดยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงยางอนามัย ฝังยาเข้าที่ท้องแขน เป็นวิธีที่มากกว่า หรือทำหมันไปเลย ฉะนั้นยาคุมไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อไว้กินนานๆ
ประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือ ยาคุมเป็นฮอร์โมน การรับฮอร์โมนเป็นระยะเวลานานๆ ถ้ารับในขณะที่สูงเกินไป คือ ถ้ากิน dose ต่ำๆ ไม่เป็นไร แต่หากกินฮอร์โมนขนาดสูงเกินไป อาจมีเนื้องอกที่เต้านมด้วย คนที่เป็นแบบนั้นคือ เดิมฮอร์โมนเพศหญิงอาจจะน้อยอยู่ พอได้ยาคุมจากยาคุมเข้าไปจึงกลับมาเติมเต็มให้สมบูรณ์ขึ้น แต่ถ้าเราไม่ดูแลให้ดีๆ อยากได้เยอะๆ ก็กินขนาดสูงจึงมีผล มันก็เกิน อะไรที่เกินก็จะเริ่มมีอันตรายแล้ว มีก้อนที่เต้านม มีเนื้องอกที่มดลูก หลายอย่างตอบสนองต่อฮอร์โมนจะมีการโตเร็วขึ้นได้”
กินยาคุมนานมดลูกแห้ง มีลูกยาก?
คุณหมอย้ำกินยาคุมไม่ได้ทำให้มีลูกยาก ในทางกลับกัน ยาคุมมีฤทธิ์เพียงวันเดียวหากไม่ทานต่อเนื่องมีสิทธิ์ท้องได้ง่าย
“คำกล่าวที่ว่า กินยาคุมนานจึงทำให้มีลูกยาก ไม่จริงเลยครับ ทำไมหมอถึงบอกว่าต้องทานยาคุมทุกวันเพราะมันมีฤทธิ์วันเดียวเท่านั้น วันต่อไปไม่ทานก็หมดฤทธิ์ ร่างกายเราก็ท้องได้ ในแง่ของหมอประโยคนี้มันต้องกลับกันครับ ถ้าเรากินไม่สม่ำเสมอจะต้องท้อง ไม่ใช่ว่าพอกินยาไปแล้วหยุดยาจะไม่ท้อง มันไม่จริงครับ
อีกอย่างมดลูกไม่มีแห้งครับ เป็นคำที่ชาวบ้านพูดกันไป ฉะนั้นการกินยาคุมกำเนิดเมื่อหยุดแล้ว ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้มีปัญหาอื่นเช่น มีบุตรยาก เขาก็จะกลับมามีการเจริญพันธุ์ตามปกติ คนที่ยกเป็นกรณีต่างๆเหล่านี้ บางทีอาจเป็นคนที่เขามีปัญหาเรื่องการมีบุตรยากอยู่แล้ว แล้วมาประจวบเหมาะเท่านั้นเอง อย่าไปโทษยาคุม แต่ในการศึกษาจริงๆ ไม่เกี่ยวข้อง การที่มีลูกยากเป็นเพราะฮอร์โมนเราไม่สมดุลต่างหากไม่ใช่เพราะยาคุม”
กินยาคุมอารมณ์ทางเพศหด?
คุณหมอไม่ฟันโช๊ะว่ายาทำทำให้ผู้หญิงไม่อยากเซ็กซ์ แต่เผยว่าอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องของ “ความรู้สึก”
“อันนี้ยังเป็นเรื่องถกเถียงกันอยู่ครับ ในส่วนที่ว่าจริงเขามีการศึกษาอยู่ว่า เก็บตัวอย่างมาแล้วมันเป็นอย่างนั้น แต่เนื่องจากอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องของความรู้สึก
ความรู้สึกจะมีผลกระทบจากเรื่องพื้นฐานทางครอบครัว คู่สมรสหรือผู้ชายที่บ้านอาจจะอ้วนสกปรก หรือสามีไม่อาบน้ำ ความรักมันอาจเกินจะทน ถึงจุดหนึ่งอาจจะไม่ไหว จึงทำให้ไม่อยากมีเซ็กซ์ การศึกษาเหล่านั้นจะพูดถึงเรื่องนี้หรือเปล่า บริษัทที่เขาผลิตยาคุมได้ศึกษาเรื่องนี้ก็ยังไม่พบปัญหา”
*คลิกอ่าน สุขภาพภายในคาใจสาวเรา โดย นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช
ชัวร์หรือมั่ว! โหมกินไวอากร้าแล้วเกิดอาการ"หูดับ"!?
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net