ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามขณะเดินทางผ่านสะพานมัฆวานรังสรรค์ไปร่วมชุมนุมลานพระบรมรูปฯ ผู้ชุมนุมบาดเจ็บหลายสิบคน ตำรวจเจ็บ 5 จับม็อบ 100 กว่าคนสอบค่าย ตชด.ปทุมธานี ด้าน “เสธ.อ้าย” อัดตำรวจทำร้ายประชาชน อาจขอร้องให้ทหารเข้ามาช่วยเหลือ
วันนี้ (24 พ.ย.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อเวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ว่าได้เริ่มทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการบริหารราชการแผ่นดินตามที่มีการประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก บนเวทีปราศรัยที่มีการติดตั้งเครื่องเสียงและเต็นท์ขนาดใหญ่เพื่อเป็นหลังคา โดยมีการจัดกิจกรรมจากวงดนตรีสลับกับการขึ้นพูดปราศรัยของแนวร่วมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่มีกระแสข่าวลือถึงช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้มีผู้ไม่หวังดีนำงูใส่กระสอบมาปล่อยในพื้นที่ชุมนุม และชายชุดดำสวมหมวกไหมพรหมที่อยู่บนตึกกระทรวงศึกษาธิการ
โดยสมณะโพธิรักษ์ เจ้าสำนักสันติอโศก ได้นำขบวนกองทัพธรรมเคลื่อนขบวนจากสนามม้านางเลิ้งมายังบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า พร้อมโบกสะบัดธงสีเหลืองและธงชาติตลอดเส้นทาง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั่งด่านตรวจค้นเป็นระยะ ส่วนการจราจรโดยรอบลานพระบรมรูปทรงม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดสกัดห้ามรถยนต์เข้ามายังบริเวณการชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมต้องเดินเท้าเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการเตรียมขวดน้ำ หมวกและพัดเข้ามาด้วย โดยมีผู้ชุมนุมบางส่วนกว่า 300 คน ไปรวมตัวกันบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อเจรจาขอเดินทางเข้าไปยังลานพระบรมรูปทรงม้าจากทางดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 2 กองร้อย ไม่อนุญาตให้ผ่านทางพร้อมประกาศผ่านโทรโข่งว่า “พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ห้ามเข้าตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ฉะนั้นขอให้พี่น้องผู้ชุมนุมเดินอ้อมไปเข้าทางนางเลิ้งแทน”
ต่อมาเมื่อเวลา 08.20 น. ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ กลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 400 คน ยังคงพยายามเจรจาต่อรองอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ชุมนุมบางส่วนได้นำมีการนำของแหลมตัวรั้วหนาม ก่อนจะพยายามรื้อแท่งคอนกรีตที่ขวางกั้นระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจออก ส่งผลให้ตำรวจมีการเพิ่มกำลังเป็น 5 กองหลัง ยืนแนวขวางเป็น 5 แถวตั้งรับผู้ชุมนุม
หลังจากนั้นเวลา 08.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงที่มีการพูดปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง ได้พยายามขับไปทางด้านซ้ายของช่วงกลางสะพานมัฆวาน ที่ได้มีการรื้อแท่นคอนกรีตที่ขวางทางออกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีผู้ชุมนุมเป็นชายฉกรรจ์กว่า 10 คน ได้วิ่งเข้าไปผลักดันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้โล่ใสเป็นเวลานานกว่า 2 นาที และเมื่อรถบรรทุกคันดังกล่าวได้เคลื่อนตัวเข้ามาติดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังผลักดันกับผู้ชุมนุม ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโยนแก๊สน้ำตาแบบขว้างมาจากทางด้านหลัง ทำให้เกิดควันสีขาวกระจายเต็มพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ชุมนุมแตกวงและวิ่งหลบหนีอย่างชุลมุน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างถอยร่นออกไปด้านข้าง อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมบางส่วน รวมถึงรถบรรทุก 6 ล้อสบโอกาสอาศัยช่วงชุลมุลวิ่งฝ่าวงล้อมตำรวจเข้าไป ก่อนตำรวจจะมีการขว้างแก๊สน้ำตารอบที่ 2 พร้อมดำเนินการจับกุมผู้ชุมนุมที่ฝ่าวงล้อมเข้าไป โดยหลังจากสถานการณ์สงบลงพบตำรวจบาดเจ็บ 5 นาย ผู้ชุมนุมหลายสิบราย และพบกระป๋องแก๊สน้ำตาที่ถูกใช้งานแล้วกว่า 10 กระป๋องในจุดที่เจ้าหน้าที่ขว้างเข้ามา ขณะที่ตำรวจก็เริ่มใส่ชุดหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตาพร้อมโล่และกระบองกลับมาวางแนวป้องกันเช่นเดิม
ขณะที่บนเวทีก็มีการปราศรัยโจมตีรัฐบาลเป็นระยะ โดยในเวลา 08.45 น. พิธีกรบนเวทีได้ระบุว่า ขณะนี้มีประชาชนที่จะเข้าร่วมชุมนุม ถูกสกัดกั้นอยู่บริเวณแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ และ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ เอากำลังไปและเชิญชวนผู้ที่มาถึงบริเวณที่ชุมนุมแล้ว ขอให้เดินไปรับผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุมแต่ถูกสกัดกั้นด้วย พร้อมกับเตือนผู้เข้าชุมนุมเตรียมผ้าเช็ดหน้าเพราะมีการใช้แก๊สน้ำตาแล้ว
ด้าน พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธาน อพส.ได้เดินทางมาถึงบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ในเวลาประมาณ 08.30 น.โดยได้เดินทักทายกับผู้ร่วมชุมนุม ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมระบุว่า “พอใจกับจำนวนคนที่มาถึงในขณะนี้ หากรัฐบาลยังสกัดกั้นผู้เข้าร่วมชุมนุมจากต่างจังหวัดที่กำลังเดินทางเข้ามาการชุมนุมจะยืดเยื้อและเชื่อว่าในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ประชาชนจะมากกว่าวันนี้ และขอเรียกร้องให้ประชาชนที่อยู่ใน กทม.มาเข้าร่วมชุมนุม เพราะขณะนี้ประชาชนต่างจังหวัดยังถูกสกัดกั้นอยู่”
จากนั้นเวลา 09.01 น. นายกรหริศ บัวสรวง โหรประจำ อพส.และ พล.อ.บุญเลิศ ได้ทำพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมทั้งขอให้การชุมนุมของ อพส.ประสบความสำเร็จตามปรารถนา โดยมีบรรดาแกนนำ อพส.ทยอยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง อาทิ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์
โดย พล.อ.บุญเลิศให้สัมภาษณ์ถึงจากกรณีตำรวจใช้แก๊สน้ำว่า ถือเป็นความชั่วร้าย ขอให้พี่น้องประชาชนมากันมากๆ การที่ตำรวจเป็นเครื่องมือรับใช้รัฐบาลถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะเราไม่ได้ทำอะไรเลย ถือว่าเป็นการรังแกประชาชน ส่วนหมัดเด็ดต้องมีวันนี้แน่นอน แต่ขอให้คนมามากกว่านี้อีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า ตนคิดว่ามี เพราะตอนนี้ในต่างจังหวัดรถยังติดอยู่ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวไม่มีมือที่ 3 เพราะตำรวจได้แสดงให้เห็นแล้ว โดยเราไม่มีการตอบโต้ และตนขอเรียกร้องให้ตำรวจหยุดรังแกประชาชน แต่ถ้าตำรวจยังรังแกประชาชนอยู่ ก็จะเรียกร้องให้ทหารออกมาปกป้อง นอกจากนี้ ตนยังได้ข่าวมาว่าในช่วงเที่ยง ตำรวจจะสลายการชุมนุม แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอะไรมาสลาย
“หลังจากนี้จะขอเวลา 3 ชั่วโมงประเมินสถานการณ์เพื่อยกระดับการชุมนุม เพราะตอนนี้คนยังเข้ามาร่วมชุมนุมไม่ได้ เพราะเขาพยายามแยกผู้ชุมนุมออกเป็นส่วนๆ” พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า และว่า ตนได้มอบหมายให้ พล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์ รองประธาน อพส. ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย และขณะนี้การ์ด อพส.มี 1,400 คน
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.บุญเลิศ ขึ้นกล่าวบนเวทีปราศรัยถึงสถานการณ์การชุมนุมหลังมีผู้ชุมนุมถูกแก๊สน้ำตา โดยประกาศกับผู้ชุมนุมว่าจะต่อสู้ด้วยความสงบ พร้อมสัญญาว่า อพส.และภาคีเครือข่ายจะขับไล่รัฐบาลชุดนี้ออกไปให้ได้ รัฐบาลนี้ชั่วร้ายมาก ลุแก่อำนาจ ขณะเราชุมนุมโดยไม่มีอาวุธและไม่เคลื่อนย้าย รัฐบาลยังสั่งให้ตำรวจเอารั้วหนามมาปิดกั้น เพื่อให้ผู้ชุมนุมแบ่งเป็นส่วนๆ และทำร้ายประชาชนโดยใช้แก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม รวมถึงมีการจับกุมผู้ชุมนุมร้อยกว่าชีวิตไปขังไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยั่วยุให้เราบุกทำเนียบรัฐบาล ถ้าตำรวจยังเลิกทำร้ายประชาชน ตนจะขอกำลังทหารให้ออกมาช่วย ขณะนี้ทางเรากำลังเจรจาให้นำเครื่องกีดขวางบริเวณแยกมิสกวันออกไป
“อยากฝากถึงนายกฯ ให้ลาออกจากตำแหน่งได้แล้ว เพราะบริหารงานขาดคุณภาพและคุณธรรม และอยากฝากถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถ้าอยากกลับประเทศไทยก็ให้มากราบพระบาทของในหลวง และติดคุกสัก 2-3 วัน” ประธาน อพส.กล่าว
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น.ที่บริเวณแยกมิสกวันยังเกิดความตึงเครียดเนื่องจากยังมีการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทยอยเดินทางมาสมทบอีกจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาระหว่างแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมและนายตำรวจระดับสูง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เปิดด่านสกัดแยกมิสกวันให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านสะพานมัฆวานรังสรรค์เข้าไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
ด้าน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีคนทยอยเข้ามาชุมนุมที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ประมาณ 6,000 คน และบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์อีกประมาณ 400-500 คน ซึ่งทราบว่าได้มีการเจรจากันอยู่ เพราะเนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมจะพยายามเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมชั้นในโดยเส้นทางดังกล่าว
“เจ้าหน้าที่ขอชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบว่า การกำหนดจุดตรวจยานพาหนะ ก่อนเข้าพื้นที่ชุมนุม ไม่ได้เป็นการปิดกั้นหรือขัดขวางการเข้าร่วมชุมนุม โดยเปิดช่องทางเข้าสู่บริเวณที่ชุมนุม 2 จุด คือ บริเวณทางแยกกองพล 1 และทางแยกวัดเบญจมบพิตร ทั้ง 2 จุดจะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและตรวจค้นอาวุธเพื่อความปลอดภัยของประชาชน” พล.ต.ต.อดุลย์
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า ทางศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ออกคำสั่งฉบับที่ 4/2555 เรื่องห้ามการใช้ยานพาหนะในเส้นทางคมนาคม คือ ห้ามการใช้ยานพาหนะในเส้นทางคมนาคมดังต่อไปนี้ 1. ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่สะพานวัดเบญจมบพิตร ถึงแยกกองพล 1 และ 2.ลานพระราชวังดุสิต ห้ามไม่ให้จอดยานพาหนะทุกชนิดกีดขวางการจราจรในพื้นที่กำหนด
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณแยกมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งมีคำสั่งตามศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ให้ปิดการจราจรโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนแต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้รถ 6 ล้อที่บรรทุกเครื่องเสียงขับฝ่าด่านตำรวจ จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย คือ 1. จ.ส.ต.ยุทธพงศ์ จันธิราช จากจังหวัดมหาสารคาม 2. ด.ต.ภานุวัฒน์ คนเพี้ยน จากจังหวัดหนองคาย 3. ด.ต.เอกพล สรลาภเจริญ จากจังหวัดมหาสารคาม 4. ด.ต.พรศักดิ์ อารมณ์ จากจังหวัดกาฬสินธุ์ และ 5. ร.ต.ต.ชอบ แก้วธานี จากจังหวัดมหาสารคาม โดยทั้งหมดถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ที่ก่อเหตุสร้างความวุ่นวายจำนวนกว่า 100 คน และส่งไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นจุดที่ ศอ.รส.กำหนดไว้เพื่อความปลอดภัย พร้อมกับยึดสิ่งของทั้งอาวุธมีด 3 เล่ม กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 30 นัด หนังสติ๊ก วิทยุสื่อสาร และรถบรรทุก 6 ล้อยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 81-8864 ราชบุรี พร้อมเครื่องเสียงและเครื่องปั่นไฟ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด ซึ่งต้องรอตรวจสอบพยานหลักฐานก่อนว่ามีการกระทำผิดอะไรบ้าง