xs
xsm
sm
md
lg

พ.ต.ท.ล่าสัตว์พบจุดจบตำรวจไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
ตรงเป้า

ศรรามา



อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีเนื้อที่กว้างใหญ่และไพศาล ถึง 2,915 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,821,875 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.แก่งกระจาน อ.ท่ายาง อ.หนองหญ้าปล้อง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด มีนก 400 ชนิด มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 57 ชนิด เช่น ช้าง วัวแดง หมี กวางแซมบ้า เสือดาว สมเสร็จ อีเห็น หมูป่า แมวป่า และยังมีกบภูเขาซึ่งเป็นสัตว์สงวนอีกหลายพันตัว เหล่านี้คือจุดสนใจของมนุษย์พันธุ์หนึ่ง ซึ่งนิยมการไล่ล่าปลิดชีวิตเพื่อนร่วมรุ่นเพียงเพื่อความสนุกสนานเอาสัตว์เหล่านั้นมาเป็นอาหารและนำไปขาย

เมื่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทราบข่าวชายกลุ่มหนึ่งรวม 9 คน เช่าเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ของชาวบ้านในละแวกนั้น 3 ลำ เข้าไปในอุทยาน และไม่น่าจะเป็นการท่องเที่ยว เพราะมีอุปกรณ์เดินป่าและอาวุธปืนครบครัน มันต้องเป็นมนุษย์พันธุ์กระหายเลือดกระหายเนื้อสัตว์ป่านั่นเอง

เจ้าหน้าที่อุทยาน 15 นาย และทหารพลร่มค่ายฝึกรบพิเศษแก่งกระจาน อีก 2 นาย ออกติดตามชายกลุ่มนั้นทันที ด้วยการล่องเรือและเดินทางเข้าไปในป่า ใช้เวลา 2 วัน ก็สามารถจับชายกลุ่มนั้นได้เมื่อกลางดึกวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555 ขณะพักแรมอยู่ที่ห้วยแม่ประโคน หมู่ 3 ต.สองพี่น้อง อ.แก่งกระจาน พร้อมของกลางมีซากกระจงเพศเมีย 1 ตัว กบภูเขายังมีชีวิตอีก 100 ตัว และอาวุธปืนหลายชนิด 9 กระบอก กระสุนปืนหลายสิบนัด

ข่าวจากกลางป่าออกมาสู่สาธารณชนทราบว่า ชายกลุ่มนั้น ได้แก่ พ.ต.ท.ธีระยุทธ เกตุมั่งมี สว.สส.สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายศานิต อำนวยเลขา เจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบทเพชรบุรี นายอรรถวุตต์ ดียิ่ง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าภูมิภาคจังหวัดเพชรบุรี ส่วนอีก 6 คน เป็นพลเรือนพรรคพวกของเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 3 นาย และพรานนำทางก็มีการตั้งข้อหาทำบันทึกจับกุมแล้วส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้พนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน ดำเนินคดี แต่ส่งไปเพียง 8 คน ไม่มี พ.ต.ท.ธีระยุทธ รวมอยู่ด้วย

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ชื่อ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นที่คุ้นหูของผู้คนทั่วไปเมื่อครั้งเฮลิคอปเตอร์กองทัพบกตกในอุทยานแห่งนี้ เมื่อปี 2554 ทำให้ พล.อ.ตะวัน เรืองศรี อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 กับนายทหารหลายนานและสื่อโทรทัศน์เสียชีวิต

รวมทั้งเหตุการณ์เผาเพิงพักและกระท่อมของชนกลุ่มน้อยจากพม่า ที่เช้ามาบุกรุกสร้างถิ่นฐานอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ก็ทำให้ชื่อ นายชัยวัฒน์ กลับมาเข้ารูหูประชาชนอีกครั้ง

นายชัยวัฒน์ ชี้แจงถึงการไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ธีระยุทธ ไปให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น พ.ต.ท.ธีระยุทธ อ้างว่า เข้าไปเที่ยวในอุทยาน แล้วไปเจอกับกลุ่มชายดังกล่าว เลยขออาศัยนั่งเรือมาด้วยและจากการตรวจค้นตัว พ.ต.ท.ธีระยุทธ ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือผิดระเบียบอุทยานแห่งชาติ รวมทั้ง พ.ต.ท.ธีระยุทธ ปฏิเสธว่า อาวุธปืนของกลางไม่ใช่ของตน จึงเปรียบเทียบปรับ พ.ต.ท.ธีระยุทธ 1,000 บาท ข้อหาเข้าไปในเขตอุทยานโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วปล่อยตัวไป

นายชัยวัฒน์ คงไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่อุทยานและทหารพลร่ม ต้องประสบความยากลำบากเพียงใดกว่าจะจับกุมชายกลุ่มนี้มาได้ เพราะนายชัยวัฒน์ไม่ได้เดินทางไปด้วย และจะรู้ไหมว่าพวกเขาทั้ง 17 นาย มีความรู้สึกขมขื่นอัดอั้นตันใจเพียงใดต่อการกระทำของหัวหน้าหน่วยงานที่อ้างเหตุผลในการปล่อยตัว พ.ต.ท.ธีระยุทธ ไม่ดำเนินคดีเช่นเดียวกับผู้ต้องหาอีก 8 คน

แม้สังคมจะรับทราบในเวลาต่อมาก็คงได้แต่วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของหัวหน้าอุทยานและส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงก็ต้องโยนบาปไปที่ตำรวจ สภ.แก่งกระจาน ว่า เลือกปฏิบัติช่วยเหลือสีเดียวกันซึ่งอีกไม่นานกาลเวลาก็กลืนเสียงเหล่านั้นหายไปกับสายลม

แต่สำหรับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนนี้ มิได้คิดอย่างนั้นเพราะประกาศไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งจะปัดกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดเพื่อเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมาให้เร็วที่สุดโดยกล่าวว่า “ถ้าประชาชนไม่รักตำรวจ ตำรวจก็อยู่ไม่ได้”

ทุกเช้าเวลาไม่เกิน 07.30 น.พล.ต.อ.อดุลย์ จะไปถึงที่ทำงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลังจากอ่านสรุปเหตุการณ์ต่าง ๆ ของวันที่ผ่านมาถ้ามีเหตุการณ์สำคัญ อย่างเช่น การจับกุมผู้ลักลอบล่าสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเมื่อทราบรายละเอียดแล้ว พล.ต.อ.อดุลย์ก็เข้าศูนย์ปฏิบัติการตำรวจที่ชั้น 20 อาคาร 1 ติดต่อกับ พล.ต.ท.หาญพล นิตยวิบูลย์ ผบช.ภ.7 สอบถามสั่งการด้วยระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์แทนที่จะพูดจาทางโทรศัพท์ด้วยระบบที่ล้าหลังประเทศลาว

พล.ต.อ.อดุลย์ ให้ พล.ต.ท.หาญพล สอบสวนแล้วรายงานให้ทราบโดยด่วนทำไม พ.ต.ท.ธีระยุทธ จึงไม่ถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตอุทยานแห่งชาติ

นี่คือ การทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่สังคมตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมายแต่ไม่ได้อยู่เหนือกฏหมายเมื่อกระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีและต้องได้รับโทษมากกว่าประชาชนในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ

ต้องปรบมือให้กับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ซึ่งเป็นความหวังของประชาชนที่อยากเห็นตำรวจเป็นผู้ทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงเป็นผู้รักษากฎหมายอย่างเที่ยงธรรม และสร้างความสงบสุขให้แก่สังคมทุกชนชั้น

ก็เพราะ พล.ต.อ.อดุลย์ นี่แหละที่ทำให้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ต้องไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ธีระยุทธ ข้อหาเดียวกับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยอ้างด้านๆ เพิ่งเห็นภาพจากกล้องของผู้ต้องหา มี พ.ต.ท.ธีระยุทธ นั่งดื่มเหล้าเรดเลเบิ้ล มีกับแกล้มสัตว์ป่าและอาวุธปืนอยู่บนโต๊ะ

น่าเสียดายอนาคต พ.ต.ท.ธีระยุทธ เกตุมั่งมี ต้องมาพบจุดจบในวัย 44 อันเป็นช่วง “ไฟแรง” สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ ทั้งๆ ตัวเองก็สำเร็จจาก ร.ร.นายร้อยตำรวจ “พรานรุ่น 46”

พ.ต.ท.ธีระยุทธ เคยเป็นพนักงานสอบสวน สบ2 สภ.เมืองกาญจนบุรี เป็น สว.สภ.ไร่สะท้อน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ย้ายมาเป็น สว.สส.สภ.ปราณบุรี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2554 เพื่อนร่วมรุ่นส่วนใหญ่อยู่ในระดับรองผู้กำกับการ แต่ก็เป็นผู้กำกับการแล้วถึง 15 นาย เช่น พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน อดีตนายเวร พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา อดีต ปษ.สบ10 พ.ต.อ.ปรัชญา ประสานสุข อดีตผู้ช่วยนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พ.ต.อ.ชัยชาญ ปุราธนานนท์ ผกก.สส.ภ.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ธนัญชัย เพียรช่าง ผกก.4 ท่องเที่ยว พ.ต.อ.โสภณ สารพัฒน์ ผกก.4 ทางหลวง พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 กองปราบปราม พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผกก.สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และที่นำโด่งของรุ่นได้แก่ พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ท่องเที่ยว

จึงไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดเพื่อนๆ จึงไปไกลลิบลิ่ว ขณะที่ตัวเองยังย่ำเท้าอยู่แค่สารวัตรจุดจบของ พ.ต.ท.ธีระยุทธใกล้มาแล้ว

ยุค พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ต้องไม่มีตำรวจสารเลวประเภทตำรวจโจรตำรวจจัญไร ไม่ว่าเจ้านายหรือไพร่พลจะถูกปัดกวาดออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดก่อนจะไปปัดกวาดสังคม
กำลังโหลดความคิดเห็น