ตรงเป้า
ศรรามา
ความสุขสงบในสังคม ปราศจากโจรผู้ร้าย ประชาชนอยู่ดีกินดี หาได้ขึ้นกับตำรวจเพียงฝ่ายเดียว หากแต่บรรดาข้าราชการทุกกระทรวง นักการเมืองที่ทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อภารกิจอันสำคัญนี้
ครม.ปู 3 ผ่านไปแล้ว มีทั้งสมหวังและพลาดหวัง อันเป็นสัจธรรมที่ยั่งยืนแต่สำหรับนักการเมืองโดยเฉพาะแกนนำเสื้อแดงอย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ เริ่มแรกก็ตีโพยตีพายอวดอ้างสรรพคุณตัวเอง “มีเลือดไว้สำหรับกลืน” ราวกับเป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ แต่พอนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” โรยยาหอมใส่ว่าเป็นคนมีอุดมการณ์ เหมาะสำหรับคุมมวลชนอยู่ข้างถนน นายจตุพรก็เสียงอ่อยทำหน้าตาม้องแบ๊วเหมือนคางคกต่อไป
ไม่รู้ใครขยิบตาให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ส.ส.สุรินทร์เพื่อไทย อดีตตำรวจหน้าตาเหมือนพวกตะพุ่นหญ้าช้าง พยายามสร้างราคาให้ตัวเองเป็น “ดาวสภา” มีหน้าที่ประท้วงฝ่ายค้านประการเดียว ออกมาก๋าจะไปพม่าถาม “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ท่าขี้เหล็ก “ทำไมจตุพรไม่ได้เป็นรัฐมนตรี”
เหิมเกริมกับนายใหญ่ขนาดนี้ จ่าคงลืมคำเตือนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ฝากให้พลพรรคเพื่อไทยได้คิด “ถ้าใครไม่เอาทักษิณ ชีวิตนี้ก็จะเหลือแต่ตัวกับเงา” เผลอ ๆ อาจจะไม่มีเงาหัวเอาด้วย
คนที่ถูกวิพากษ์มากที่สุด พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อุตส่าห์ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ตอกย้ำความแน่ชัดว่าจะได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยบ้านจันทร์ส่องหล้าส่งเข้าประกวด แต่แล้วก็ตกรอบไม่มีชื่อ
ว่ากันว่า เพราะ “นายใหญ่” เกรงใจ ร.ต.อ.เฉลิม บางก็ว่าฟากฝั่งชินวัตรจัดการดองเค็มดามาพงศ์เรียบร้อย
แต่สิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แอบดีใจไม่ออกนอกหน้า ก็คือไม่ต้องถ่างขาไปควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ยังอยู่ที่เดิมได้คุมตำรวจอย่างเดิม ซ้ำเป็นรองนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 ยิ่งใหญ่ชนิดล้นดินคับฟ้า
ว่ากันถึงรัฐมนตรีหน้าใหม่อย่าง นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการเพื่อไทย เศรษฐีร้อยล้านแห่งเมืองปากน้ำ มีทรัพย์สินถึง 139,000,000 บาท เขยิบเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย แม้จะไม่ค่อยมีบทบาทร่วมกับมวลชนเสื้อแดง แต่การกระทำของนายประชา ทั้งเข้าตาและประทับใจของ “ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์”
นายประชามักจะบอกใบ้กับสื่อในทำนอง ตัวเองเป็นคนสนิทของทักษิณ สามารถโทรศัพท์พูดคุยกันได้ และคงไม่ลืมเมื่อครั้งรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ทักษิณกลับมาจูบแผ่นดินไทยเพื่อสู้คดี (พอแพ้คดีก็เผ่นหนีออกนอกประเทศ ประจานบ้านเกิดตัวเองว่ามีแต่ความอยุติธรรม) แม้งานนั้นจะเห็น ร.ต.อ.เฉลิมเป็นเจ้ากี้เจ้าการไปรับทักษิณถึงสนามบิน แต่ความยิ่งใหญ่อยู่ที่ผู้คนแห่ไปต้อนรับทักษิณ ชนิดมืดฟ้ามัวดิน ผู้คนเหล่านั้นมาจากโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในสมุทรปราการ
ผลงานของนายประชาที่ทักษิณไม่เคยลืม เมื่อยิ่งลักษณ์โดนกระหน่ำเรื่อง ว.5 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ จากการเปิดประเด็นของนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร ก็เพราะรหัสเรียกขาน ว.5 ทางวิทยุเสื่อสารหมายถึง “เป็นความลับ” ก็เล่นเอายิ่งลักษณ์พูดไม่ออกบอกไม่ถูก นายประชาคนนี้แหละนัดสื่อมวลชนไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เพื่อพิสูจน์ความจริงว่ายิ่งลักษณ์ไม่ได้ไปทำอะไรอย่างที่สังคมคิด
แม้โรงแรมจะไม่ให้ขึ้น แต่ก็ยังดีกว่านายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ออกมาปกป้องยิ่งลักษณ์ด้วยคำพูดที่ไม่น่าพูดว่า “โฟร์ซีซั่นส์เป็นโรงแรมห้าดาว” ชาวบ้านเลยต่อท้ายให้สะใจ “ไม่ใช่โรงแรมม่านรูด” นายประชาจึงเข้าลักษณะ “มีเงิน มีความจงรักภักดี”
รัฐมนตรีหน้าใหม่อีกคน พล.อ.พฤณห์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม สื่อรายงานว่าเป็นเตรียมทหาร 10 รุ่นเดียวกับทักษิณ แต่ในทำเนียบนักเรียนนายร้อย จปร.ระบุว่า “พฤณห์ สุวรรณทัต” เป็นเตรียมทหารรุ่น 11 หมายเลขประจำตัว 8650 ขณะที่เตรียมทหารรุ่น 10 เป็นพี่ พล.อ.พฤณห์ ได้แก่
“พฤกษ์ สุวรรณทัต” หมายเลขประจำตัว 8435 และ “พฤทธิ์ สุวรรณทัต” หมายเลขประจำตัว 5436
จะรุ่นเดียวกับทักษิณเหมือน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกลาโหม หรือไม่ หรือจะเป็นแดงแจ๊ดแดงจางอย่างไรก็ช่างเถิด แต่พอได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ชนิดที่รัฐมนตรีว่าการคมนาคม ต้องประเคนงานสำคัญให้ ก็มีข่าวตามมาทันทีว่า พล.อ.พฤณห์คนนี้แหละ จะเป็นพ่อตาของนายพานทองแท้ ชินวัตร ในอนาคต ตำแหน่งที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงก็ได้รับการตอบแทน ให้นั่งเก้าอี้ทั้ง 3 ตัวมากหน้าหลายตา
นายปิติพงษ์ เปี่ยมเจริญ ส.ส.สอบตก กทม.เขต 32 เป็นเลขาธิการรอง นายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และ นายจรัล ดิษฐาภิชัย แดงแจ๊ดอีกคนเป็นที่ปรึกษา, นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 107 เป็นเลจานุการนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และนายวุฒิพงษ์ ฉายแสง ส.ส.สอบตก ฉะเชิงเทราเขต 4 เป็นที่ปรึกษา, นายซูการ์โน่ มะทา ส.ส.สอบตกยะลาเขต 1 เป็นเลขาธิการนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จากไพร่กลายเป็นอำมาตย์ หอบหิ้วคนสนิทจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ นายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ดแดง เป็นเลขานุการ นายสมหวัง อัสราษี แดงแจ๊ดเป็นที่ปรึกษา, นายชัชชาติ สุทธิพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้นางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.สอบตกฉะเชิงเทรา เขต 1 เป็นเลขานุการ นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ส.ส.สอบตกพระนครศรีอยุธยาเขต 1 เป็นที่ปรึกษา
มีคนส่งนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.สอบตก กทม.เขต 28 อายุเท่าไหร่ไม่รู้ ไปเป็นที่ปรึกษา พล.อ.พฤณห์ สุวรรณทัต คนมีลูกสาวสวย แถมด้วยนายมานะ คงวุฒิปัญญา ส.ส.สอบตก กทม.เขต 31 เป็นเลขานุการ, นายยศวริศ ชูกล่อม แดงปากปลาหมอ เป็นที่ปรึกษา นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน แดงตัวฉกาจจากเมืองละโว้ เคยเป็นเลขาธิการรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นเลขานุการ นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คราวนี้ได้เป็นเลขานุการ พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายเกรียงไกร กิตติธเนศวร ส.ส.สอบตกนครนายกเขต 1 เป็นเลขานุการนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ส.ส.สอบตกกทม.เขต 22 เป็นที่ปรึกษานายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายธนาธร โลห์สุนทร ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 89 เป็นเลขานุการ และนายภิญโญ ตั๊นวิเศษ ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 81 เป็นที่ปรึกษานายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง,
น.ส.เพ็ญชิสา หงส์อุปถัมภ์ชัย ส.ส.สอบตกอ่างทองเขต 1 เป็นที่ปรึกษานายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นางลินดา เชิดชัย ส.ส.สอบตกนครราชสีมาเขต 3 เป็นเลขานุการนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายประแสง มงคลศิริ ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 83 นักวิชาการศึกษาแดงแปร๊ด เป็นเลขานุการนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.สอบตกชัยนาทเขต 3 เป็นที่ปรึกษานายชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแสวง ฤกษ์จรัล ส.ส.สอบตก กทม.เขต 29 เป็นที่ปรึกษานายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ส.ส.สอบตก กทม.เขต 25 เป็นเลขานุการ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายกมล บันไดเพชร ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 78 เป็นเลขานุการนายประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข,
การที่ ส.ส.สอบตกและผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทย ดาหน้ามานั่งเก้าอี้ในส่วนนี้ของรัฐบาล เพราะแต่ละคนเมื่อไม่ได้เป้น ส.ส.ก็ไม่มีเงินเดือนประจำ ไม่เหมือนกับ ส.ส.ระบบเขต ได้ค่าครองชีพจากพรรคเดือนละ 1 แสนบาท และ ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ ได้เดือนละ 5 หมื่นบาท
กูรูการเมืองให้จับตากระทรวงศึกษาธิการ ที่มีปัญหาต้องเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการ ตั้งแต่ปู 2 ยันปู 3 แม้คราวนี้จะมีรัฐมนตรีช่วยว่าการเพียง 1 คน แต่ผู้คนในวังจันทรเกษมบอกว่า คราวนี้แหละสนุกแน่
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช สาวกทักษิณ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ดอดเข้ากระทรวงล่วงหน้าก่อนรัฐมนตรีว่าการ ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่การเข้ากระทรวงครั้งนี้ของรัฐมนตรี แม้จะไม่เป็นทางการ แต่ก็ไม่เหมือนรัฐมนตรีกระทรวงอื่น เพราะนายเสริมศักดิ์เอาลูกเอาเมียไปให้ข้าราชการประจำยกมือไหว้คารวะเป็นแถว จะไม่บอกว่าไม่สนุกอย่างไร เริ่มต้นนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ก็เอาข้าวต้มมัดไปแจกข้าราชการและผู้ร่วมงาน บอกว่าผัวเมียเหมือนข้าวต้มมัด และข้าวต้มมัดที่เอามาแจกนี้มีชื่อ “ข้าวต้มมัดเมียหลวง” โปรดติดตามลีลา “เจ๊เบียบ” ต่อไปเทอญ.