บก.ปอศ.แถลงข่าวจับกุมแก๊งต้มตุ๋นชาวไนจีเรียหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชีโดยใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก พร้อมของกลาง มูลค่าความเสียหายกว่า 3 แสนบาท
วันนี้ (2 พ.ย.) เวลา 13.30 น. ที่บก.ปอศ. พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ พ.ต.อ.ภูธร ปริศนานันทกุล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย ผกก.5 บก.ปอศ. พร้อมชุดสืบสวน แถลงผลการจับกุม นายไฮเซียนต์ ไอวันดู (Hycienth Iwundu) สัญชาติไนจีเรีย อายุ 31 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาแก๊ง Scam Mail หรือเรียกว่าแก๊งหลอกลวงโดยใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ธนาคารกสิกรไทย 1 ใบ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง สีดำ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณซอยอ่อนนุช 68 ถนนอ่อนนุช แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 3 แสนบาท
พล.ต.ต.สุรพลเปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และเครือข่ายการบริการว่า มีผู้เสียหายได้ถูกกลุ่มคนร้ายหลอกลวงโดยให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาอ่อนนุช 39 ได้หลอกลวงผู้เสียหาย (ขอสงวนนาม) โดยเข้าไปใช้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์กซึ่งมีเพื่อนชาวต่างชาติเข้ามาสนทนาทางอีเมลและทางแอปพลิเคชัน อ้างชื่อว่าชื่อแซนดอส สัญชาติอังกฤษ อายุ 41 ปี อาศัยอยู่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ได้ติดต่อกันมาประมาณ 4 เดือนให้ตายใจเสียก่อน ต่อมาชายคนดังกล่าวอ้างว่าจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยและจะทำการส่งพัสดุเป็นเสื้อผ้าและของใช้ตนเองมาทางเครื่องบินโดยสาร
ต่อมาวันที่ 29 ต.ค. 55 ได้มีหญิงชาวไทยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กระจายสินค้าที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ชื่อวรรณพร ไม่ทราบนามสกุล แจ้งว่าพัสดุดังกล่าวจะต้องชำระค่าขนส่งสินค้าและภาษี โดยอ้างว่าตรวจสอบพัสดุภายในกล่องดูแล้วเป็นของมีค่า เช่น ไอโฟน ไอแพด และเงินสดจำนวหนึ่ง ซึ่งผู้เสียหายต้องโอนเงินเป็นค่าขนส่งและภาษีเข้าบัญชีของคนร้ายธนาคารกสิกรไทย สาขาอ่อนนุช 39 จำนวนเงิน 117,617.50 บาท เหยื่อได้หลงเชื่อโอนไปให้วันที่ 30 ต.ค. 55 หลังจากนั้นได้พยายามติดต่อไปเพราะไม่ได้รับสินค้า แน่ใจว่าถูกหลอกลวงจึงได้ทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารกสิกรไทย จากนั้นทางธนาคารได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามกลุ่มคนร้าย จนทราบว่าเมื่อวันที่ 31 ต.ค.เวลาประมาณ 23.00 น. มีชายต่างชาติผิวสีดำเป็นผู้นำบัตรเอทีเอ็มไปเบิกถอนเงินสด และทราบว่าพักอยู่ภายในซอยอ่อนนุช 68 จึงเข้าจับกุมตัวได้บริเวณดังกล่าว ตรวจค้นภายในตัวพบบัตรเอทีเอ็มของกลางจึงควบคุมตัวมาสอบสวน
พล.ต.ต.สุรพลกล่าวอีกว่า แก๊งนี้เป็นกลุ่มชาวไนจีเรียแฝงตัวเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยว มีพฤติกรรมในการหลอกลวงเหยื่อให้ตายใจโดยการทำตัวเป็นคนมีเงินคอยปรนเปรือเหยื่อให้หลงเชื่อก่อน บางรายใช้ระยะเวลาหลายเดือนสนิทสนมจนอยู่กินกันแล้วหลอกให้ทำบัตรเอทีเอ็มซึ่งเป็นวิธีการหลอกลวงโดยใช้คน ส่วนเอกสารที่ใช้ส่งมาทางอีเมลนั้นเป็นเอกสารปลอมทั้งสิ้น จะต่างจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกให้ทำบัตร และจะต้องทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าเป็นบัตรเอทีเอ็มของ น.ส.อัจจิมา ที่ผู้ต้องหาขอยืมบัตรมาเพื่อใช้รับโอนเงินมาจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง รวมถึงใช้ในการเบิกถอนเงินสดอัตโนมัติภายในห้างซีคอนสแควร์ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 55 จริง โดยได้ทำการหลอกลวงมาแล้วจำนวน 3 ราย รายละแสนกว่าบาท จะมีผู้ร่วมขบวนการอีกซึ่งพบว่าผู้ติดต่อทางโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นอยู่ประเทศมาเลเซีย ส่วนตนทำหน้าที่เป็นม้าเพียงแค่คอยเป็นผู้กดเงินสดเท่านั้น ได้ส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นนักฟุตบอลดิวิชัน 2 ของทีมการท่าเรือ ทีมสมุทรปราการ
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาว่า ใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ผู้อื่น ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์การชำระค่าสินค้าค่าบริการหรือหนี้อื่นแทน ชำระเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนผลการจับกุมในรอบเดือนตุลาคม 2555 จับกุมคดีเกี่ยวกับภาษีจำนวน 35 คดี ผู้ต้องหา 27 คน จำนวนของกลาง 70,911 รายการ มูลค่าความเสียหาย 8,831,158 ล้านบาท จับกุมคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาจำนวน 310 คดี ผู้ต้องหา 285 คน จำนวนของกลาง 73,077 รายการ มูลค่าความเสียหาย 11,833,930 ล้านบาท จับกุมคดีเกี่ยวกับการเงินการธนาคาร จำนวน 6 คดี มูลค่าความเสียหาย 31,048,423 ล้านบาท รวมจับกุมทั้งสิ้น 351 คดี ผู้ต้องหา 312 คน จำนวนของกลาง 135,899 รายการ มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น 51,713,511 ล้านบาท และคดีค้างเก่าจำนวน 7 คดี