ตำรวจ บก.ปอศ. แถลงข่าวจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายจีนหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชี สูญกว่า 1 ล้านบาท พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคาร-บัตรเอทีเอ็มพร้อมรหัสกดเงิน 10 ใบ โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง และเงินสด 20,000 บาท
วันนี้ (22 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภูธร ปริศนานันทกุล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย ผกก.5 บก.ปอศ. พร้อมตัวแทนเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย แถลงการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประกอบด้วย น.ส.รัตนา ขุดทุ่ง อายุ 31 ปี, นายปราโมทย์ พรมประดิษฐ อายุ 37 ปี โดยจับกุมได้บริเวณลานจอดรถตลาดนานาเจริญ ถนนคลอง 2 เสมาฟ้าคราม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคาร และบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เอทีเอ็ม) พร้อมรหัสกดเงินจำนวน 10 ใบ โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง และเงินสดจำนวน 20,000 บาท
พ.ต.อ.กิตติเปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ธนาคารหลายแห่งว่ามีลูกค้ามาแจ้งว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน จึงจัดเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนจนทราบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชุดนี้ มาเปิดบัญชีในพื้นที่ อ.ธัญบุรี และผู้ต้องหาทั้งสองเป็นตัวการสำคัญในขบวนการที่มีการสั่งการมาจากเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน จากการตรวจสอบพบว่านางรัตนาเคยเดินทางไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศจีนมาแล้ว เจ้าหน้าที่จึงจัดชุดเฝ้าติดตามจนสามารถจับกุมตัวทั้งคู่ได้
จากการสอบสวนนางรัตนาให้การรับสารภาพว่าได้รับการติดต่อจากนายหลง ชาวจีน ที่เป็นไกด์นำเที่ยว ติดต่อให้หาคนมาเปิดบัญชีธนาคาร แล้วตนกับนายปราโมทย์จะเป็นคนถือบัตรและคอยไปกดเงินแล้วโอนตามคำสั่งจากประเทศจีน ตนจะได้ส่วนแบ่ง 5% ของเงินทั้งหมดที่หลอกเหยื่อมาได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันใช้และมีเพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 150,000 บาท ก่อนสอบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชนต่อไป นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่ามีการสูญเสียจากแก๊งนี้แล้วเกือบ 1 ล้านบาท แต่ถ้ามีผู้เสียหายรายใดคิดว่าถูกแก๊งดังกล่าวหลอกให้มาแจ้งความเพิ่มได้ที่ บก.ปอศ
