ทนายความ นปช.แจังความให้ดำเนินคดีกับ “สนธิ-เสธ.อ้าย” ในข้อหายุยงให้ราษฎรเป็นกบฏ ยุยงทหารให้ก่อการปฏิวัติ กรณีที่บุคคลทั้ง 2 ออกมาแสดงความคิดเห็นอันเป็นการล้มล้างรัฐบาลตั้งแต่ต้นปี กองปราบรับลูกทันควัน เรียกรับข้อกล่าวหา 7 พ.ย.นี้
วันนี้ (31 ต.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่ นายคารม พลพรกลาง ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมทีมทนายความกลุ่มคนเสื้อแดง เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ในข้อหายุยงให้ราษฎรเป็นกบฏ ยุยงทหารให้ก่อการปฏิวัติ และแสดงความคิดเห็นไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กรณีที่บุคคลทั้ง 2 ออกมาแสดงความคิดเห็นอันเป็นการล้มล้างรัฐบาล ว่า หลังจากสอบปากคำ นายคารม และตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำมามอบให้แล้ว พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการส่งหมายเรียกให้ นายสนธิ และ พล.อ.บุญเลิศ มารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวที่กองปราบปรามในวันที่ 7 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า นายสนธิ ได้พูดในรายการสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่บ้านพระอาทิตย์ ส่วน พล.อ.บุญเลิศ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับลวงพราง ทางสถานีวิทยุ อสมท เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ทั้งนี้หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานนานหลายเดือน พนักงานสอบสวนมีความเห้นว่าคดีดังกล่าวมีมูล จึงออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองคนมารับทราบข้อกล่าวหา
รอง ผบก.ป.กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าอาจจะมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดง กับกลุ่มคนเสื้อเหลือง เหมือนเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ทางเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยตนจะเสนอ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว เบื้องต้นได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดไว้อย่างน้อย 1 กองร้อย พร้อมทั้งประสานตำรวจปราบจลาจล ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล มาร่วมดูแลความปลอดภัยเพิ่มด้วย นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้านการข่าว เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของมวลชนทั้งสองกลุ่มเพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (30 ต.ค.) นายคารม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หากตำรวจกองปราบปรามยังไม่ดำเนินการกับ นายสนธิ และ เสธ.อ้าย ตนเองจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงอาจมีการยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา กระทั่งวันนี้ (31 ต.ค.) พนักงานสอบสวน กองปราบปราม ก็ได้ออกหมายเรียก นายสนธิ และ พล.อ.บุญเลิศ มารับทราบข้อหาดังกล่าว