ผบช.น.แถลงข่าวจับกุม 3 ผู้ต้องหาชาวจีน คดี “ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน และฉ้อโกง” และแก๊งขโมยมิเตอร์น้ำประปา พร้อมของกลางจำนวนมาก
วันนี้ (19 ต.ค.) เวลา 10.15 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ถิร์สถัต บูรณะรัช รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ ร่วมแถลงผลการจับกุม นายวู เชี่ยวเม่า อายุ 50 ปี นายชู ฉุนเชิน อายุ 48 ปี และ นายอู๋ ยี่กวง อายุ 55 ปี ทั้งหมดสัญชาติจีน ผู้ต้องหาคดี “ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน และฉ้อโกง” พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ จำนวน 5 เครื่อง เงินสดจำนวน 139,350 บาท เช็คเงินสดจำนวน 50,000 บาท และยาสมุนไพรบำรุงร่างกายที่ใช้อ้างเพื่อหลอกเงินเหยื่อจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่บริเวณอาคารเลิฟ แมนชั่น ตีกบี เลขที่ 18/1 ซอยสีม่วงอนุสรณ์ ย่านดินแดง วานนี้ (18 ต.ค.)
พ.ต.อ.ถิร์สถัต เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีกลุ่มชาวจีนได้ใช้โทรศัพท์โทรเข้าเบอร์บ้านของผู้เสียหายหลายราย และแอบอ้างว่า เป็นญาติกับผู้เสียหายเดินทางมาจากประเทศจีน และได้ซื้อของฝากมาด้วยต้องการจะเข้าพบที่บ้าน ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงแจ้งที่อยู่ให้ทราบ เมื่อรู้ที่อยู่ของผู้เสียหายแล้วก็พากันเดินทางมาที่บ้านพร้อมกับนำโสมและยาสมุนไพรต่างๆ ที่มีราคาแพงมาฝาก และออกอุบายว่าจะซื้อยาสมุนไพรมาฝากในครั้งต่อไป แต่ขอค่าตอบแทนเล็กน้อยเพื่อเป็นทุน ประกอบกับญาติที่ประเทศจีนกำลังลำบาก ทำให้ผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อ มอบเงินทำบุญให้ กระทั่งผู้เสียหายทำการตรวจสอบกับบุคคลในครอบครัว ปรากฏว่า ไม่ญาติมาจากเมืองจีน และไม่มีใครรู้จักกลุ่มผู้ต้องหามาก่อนเลย จึงรวมตัวกันเดินทางเข้าแจ้งความ ซึ่งการกระทำผิดของคนร้ายกลุ่มนี้จะตรวจหาเบอร์โทรศัพท์จากหนังสือสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย
ด้าน พ.ต.อ.มานพ กล่าวว่า หลังจากที่มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์หลายราย ฝ่ายสืบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ได้ทำการสืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายประมาณ 11 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4 แสนบาท เมื่อก่อเหตุสำเร็จแล้ว ก็จะเดินทางออกนอกประเทศแล้วค่อยกลับเข้ามาใหม่ในภายหลัง
จากการสอบถาม นางนิภา วงศ์วนพันธ์ ผู้เสียหาย ให้การว่า ผู้ต้องหาได้โทรศัพท์เข้ามาที่บ้านและบอกว่าเพิ่งเดินทางมาจากประเทศจีนต้องการจะพบพี่ชาย ตนจึงบอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่ผู้ต้องหาบอกว่าซื้อของจากเมืองจีนและต้องการจะนำมาฝาก ซึ่งตนคิดว่าเป็นเครือญาติของพี่ชายจริง จึงบอกที่อยู่ไป เมื่อผู้ต้องหาเดินทางมาก็นำสิ่งของจำพวกโสมและยาสมุนไพรมอบให้ พร้อมกับขอเงินบริจาคเพื่อไปช่วยเหลือชาวจีนด้วยกัน และจะนำไปเป็นทุนเพื่อซื้อของมาฝากอีกในครั้งต่อไป ตนจึงให้เงินไป 8,000 บาท ระหว่างที่กลุ่มผู้ต้องหาจะเดินทางกลับ ได้ขอถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งทั้งหมดพยายามก้มหน้าตลอดเวลา กระทั่งมาสืบทราบว่าไม่ใช่ญาติของคนในครอบครัว จึงเข้าแจ้งความและมอบภาพที่ถ่ายให้กับตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามตัว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน และฉ้อโกง” ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
อีกคดี ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พ.ต.อ.ถิร์สถัต บูรณะรัช รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ ร่วมแถลงข่าวจับกุมตัว นายคุณากร พานเงิน อายุ 19 ปี นายชาตรี นุวรรณโณ อายุ 42 ปี และนายเทียนทอง แสงหาชัย อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาคดี “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ หรือรับของโจร” พร้อมของกลาง มิเตอร์น้ำประปา จำนวน 29 อัน พร้อมชิ้นส่วน 14 ชิ้น เงินสด 700 บาท กระเป๋าผ้า 1 ใบ และรถ จยย.ยามาฮ่า มีโอ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน ฬขน 305 กรุงเทพมหานคร 1 คัน โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณร้านโชคเทียนทองรับซื้อของเก่า เลขที่ 97/8 หมู่2 ถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ
พ.ต.อ.ถิร์สถัต กล่าวว่า วันนี้ (19 ต.ค.) เวลาประมาณ 04.30 น.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่า มีคนร้ายลักมิเตอร์น้ำประปาตามบ้านเรือนประชาชนมาขายที่ร้านโชคเทียนทองรับซื้อของเก่า เขตทุ่งครุ ซึ่งมีนายเทียนทอง เป็นเจ้าของและรับซื้อเอาไว้ จึงเดินทางไปซุ่มดูที่บริเวณร้านดังกล่าว กระทั่งพบ นายคุณากร และ นายชาตรี ขี่รถ จยย.ของกลางเข้ามาจอดที่หน้าร้าน และหิ้วกระเป๋าสะพายเข้าไปในร้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามเข้าไป เมื่อเข้าไปในร้านเจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหากำลังนำเอามิเตอร์น้ำออกจากกระเป๋ามาวางกองที่พื้น โดยมี นายเทียนรับซื้อเอาไว้ในราคา 700 บาท เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไว้
จากการตรวจสอบพบว่า ใบอนุญาตรับซื้อของเก่าร้านดังกล่าวหมดอายุไปตั้งแต่ปี 2550 แล้ว และไม่ได้มีการต่ออายุใบอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “ประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วน นายคุณากร และ นายชาตรี ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ หรือรับของโจร” ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
