“ตำรวจโจร” ท้าทายนโยบาย ผบ.ตร.

>>> ตรงเป้า
ศรรามา

โจร 4 ตัว เข้าไปในทาวน์เฮาส์ของผัวเมียวัยรุ่น นายประจักษ์ โชคศิริ อายุ 28 ปี น.ส.สมิตานัน ชยะโยธินกุล อายุ 25 ปี หมู่บ้านร่วมทางฝัน ถนนเลียบคลองสอง ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี อีก 1 ตัวทำหน้าที่โชเฟอร์นั่งรออยู่ในรถเก๋ง เหตุเกิดตอนค่ำวันที่ 8 ตุลาคม 2555 มันอ้างเป็นตำรวจปราบยาเสพติด สืบทราบว่าบ้านหลังนี้เป็นแหล่งจำหน่ายยา แล้วปฏิบัติการปล้นทันที จับผัวเมียมัดมือไพล่หลังและปิดตา เก็บกวาดทรัพย์สินมีค่าในบ้าน มีเงินสด 2 แสนบาท โทรศัพท์มือถือไอโฟน 4 นาฬิกาข้อมือ 4 เรือน ปืนพกสั้นหนึ่งกระบอก เอาตัวผัวเมียชึ้นรถโจร อีกสองคนไปขับรถเก๋งและมอเตอร์ไซค์ของเหยื่อตามไป

ระหว่างทางมันข่มขู่บังคับให้บอกรหัสบัตรเอทีเอ็ม แล้วไปกดเงินจนเกลี้ยงอีก 1 แสน 4 หมื่นบาท รวมทรัพย์สินที่โจรเอาไป 2 ล้านบาท จากนั้นมันไปปล่อยผัวเมียที่ถนนรังสิต-นครนายก อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายประจักษ์ต้องโทร.ให้พรรคพวกมารับ แล้วไปแจ้งความที่ สภ.คูคต

มันเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่ตำรวจต้องไปที่เกิดเหตุทันที ไม่ใช่กรณีขโมยเข้าบ้านซึ่งตำรวจส่วนใหญ่อ้อยอิ่งไปเมื่อไหร่ก็ได้ หรือไม่ไปก็ได้ แต่เมื่อตำรวจไปที่บ้านนายประจักษ์ก็พบยาไอซ์จำนวนหนึ่งอยู่บนโต๊ะในห้องนอน นายประจักษ์ซึ่งนามสกุลโชคศิริ กลับไร้โชคอีกครั้ง เพิ่งถูกโจรปล้นไป 2 ล้านบาท ยังมาซวยซ้ำสอง ตำรวจเอาตัวไปดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง กลายเป็นทั้งเจ้าทุกข์และผู้ต้องหา

จำไม่ได้ว่าตำรวจคูคตคนไหนออกมาพูด ไม่แน่ใจว่าเป็น พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.คูคต ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีตำรวจไทยไว้ก่อนว่า โจรแก๊งนี้ไม่น่าจะเป็นตำรวจ เพราะถ้าเป็นตำรวจจริงการเข้าตรวจค้นต้องมีหมายค้นของศาล พูดอย่างนี้ร้อยครั้งก็ถูกทั้งร้อยครั้ง เพราะมันเป็นโจร และเป็นตำรวจโจร

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เพิ่งแบ่งงานให้รอง ผบ.ตร. ที่ปรึกษา สบ 10 ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 บิ๊กสีกากีที่คุมตำรวจภูธร 1 ได้แก่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.จึงเป็นหน้าที่ของ ปป.1 ต้องโชว์ฟอร์มกับคดีนี้ ลงไปจี้ไปไชตำรวจคูคตให้ตามลากคอโจรแก๊งนี้ให้ได้

ต้องปรบมือให้กับตำรวจ สภ.คูคต ใช้เวลาสืบสวนเพียง 5 วัน ก็รวบโจรได้ 4 ตัว ต้องบอกว่าแผ่นดินสูงขึ้นไม่น้อย เพราะหัวหน้าโจรเป็นตำรวจ มันชื่อ ร.ต.อ.ธีรรัตน์ สุวรรณวาสน์ อายุ 38 เป็นรอง สวป.สน.บางยี่ขัน

ข่าวคราว พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ อดีต ผกก.สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร หัวหน้าโจรปล้นรถขนเงินธนาคาร เพิ่งจางหายจากสังคม เพราะยังจับ พ.ต.อ.พิจิตรไม่ได้ ร.ต.อ.ธีรรัตน์ ก็สืบสานตำนานตำรวจโจรขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ก็นี่แหละถึงว่าตำรวจโจรมันร้ายกว่าโจรธรรมดาหลายเท่า เป็นตำรวจรู้ทางหนีทีไล่ ยิ่งเป็นระดับสัญญาบัตรก็มีพรรคพวก เป็นตำรวจเป็นเจ้านายเป็นลูกน้อง คอยช่วยเหลือเกื้อกูลไม่ให้สีเดียวกันติดคุกหัวโต

นอกจาก ร.ต.อ.ธีรรัตน์ ยังมีพลเรือนอีก 3 ตัวที่ถูกจับพร้อมกัน เหลือตัวเดียวที่ยังหลบหนีอยู่ ไอ้ตัวนี้สำคัญเพราะเป็นคนขับรถ เป็นคนเสาะหาเหยื่อที่เกี่ยวข้องพัวพันกับยาเสพติด เอาข้อมูลมาบอก ร.ต.อ.ธีรรัตน์ จากนั้นไปดูลาดเลาแล้วลงมือปฏิบัติการ

ที่สุจริตชนขนลุกขนพอง คือ คำสารภาพของมันบอกว่า ใช้วิธีอ้างเป็นตำรวจปราบยาเสพติด ปล้นเหยื่อมาหลายรายไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ตำรวจภูธร 1 และ 2 เนื่องจากไอ้ตัวหัวหน้า ร.ต.อ.ธีรรัตน์เป็นหนี้การพนันหลายแสนบาท ก็แล้วทำไมผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ ร.ต.อ.ธีรรัตน์จึงไม่ล่วงรู้พฤติกรรมระยำของลูกน้อง ซึ่งเป็นโจรในเครื่องแบบมานาน เอาเวลาราชการไปสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม ดูแลกันอีท่าไหนไม่รู้ กลับส่งเสริมให้ ร.ต.อ.ธีรรัตน์เข้าอบรมหลักสูตรสารวัตร

ร.ต.อ.ธีรรัตน์มีตำแหน่งเป็น รอง สวป.สน.บางยี่ขัน ก็ต้องมีผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เริ่มตั้งแต่ สวป. รอง ผกก.ป. และ ผกก. ผู้บังคับบัญชา 3 ระดับนี่แหละ สมควรได้รับการพิจารณาโทษ จากกรณีที่ปล่อยปละละเลย ไม่เอาใจใส่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา
อันที่จริงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มี “คอก” ไว้ป้องกันตำรวจนอกแถวอยู่แล้ว แต่เป็นคอกเก่าโบราณสร้างด้วยไม้ไผ่ สร้างมาตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา เป็นอธิบดีกรมตำรวจ

เป็น คำสั่งกรมตำรวจที่ 1212 / 2537 เกี่ยวกับเรื่องผู้ใต้บังคับบัญชากระทำความผิดขั้นร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาต้องถูกลงโทษด้วย โทษนั้นมีตั้งแต่งดการขอเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือน จนถึงงดการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในรอบปีนั้น และให้จเรตำรวจมีหน้าที่กำกับดูแลโดยตรง

คำสั่งล้อมคอกตำรวจชั่วนี้ ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2537 แม้จะผ่านมา 18 ปี ก็ยังไม่ได้ยกเลิกแต่อย่างใด ยุคที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็น ผบ.ตร. ก็งัดคำสั่งนี้มาใช้ แต่ไม่เข้มงวดกวดขันอย่างจริงจัง จึงไม่มีหน่วยงานไหนถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดูเหมือนจะไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ตำรวจชั่วตำรวจเลวเกลื่อนเมือง เมื่อไม่มีการเอาผิดลงโทษผู้บังคับบัญชา คำสั่งนั้นก็กลายเป็น “สั่งขี้มูก” ในที่สุด

เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบด้านบริหาร พล.ต.อ.อมรินทร์ อัครวงษ์ เป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ร่วมมือกันสร้างคอกใหม่ไว้สกัดตำรวจสารเลวโดยเร็วเถิด ไม่ยังงั้นตำรวจโจรจะผุดขึ้นมาจากอเวจี ฉีกหน้า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อยู่เรื่อยๆ ท้าทายนโยบาย “ตำรวจมืออาชีพ”