ศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง ยกคำร้อง “มนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ” ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย จ่ายเงินซื้อเสียง ศาลชี้ เป็นเพียงการประชุมเพื่อจ่ายเงินค่าเดินทางให้หัวคะแนนเท่านั้น
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (17 ต.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง ศาลนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ ลต.5/2555 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย เนื่องจาก กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 และขอให้จัดการเลือกตั้ง ส.ส.บุรีรัมย์ เขตการเลือกตั้งที่ 5 กรณี กล่าวหาว่านายมนต์ไชย ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ได้จ่ายเงินซื้อเสียงในการเลือกตั้ง
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยว่า มีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านกระทำการตามคำร้อง เป็นเหตุให้การเลือกตั้ง ส.ส.บุรีรัมย์ เขตการเลือกตั้งที่ 5 ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ พยานผู้ร้องทั้งสามปากเบิกความในทำนองเดียวกันสรุปได้ว่า พยานทุกคนเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นคู่แข่งขันกับผู้คัดค้าน ซึ่งสังกัดพรรคภูมิใจไทย มีการตระเตรียมวางแผนลอบบันทึกภาพเหตุการณ์การปราศรัยของผู้คัดค้านและการแจกจ่ายเงิน ถ้าหากจะเกิดขึ้นไว้เป็นอย่างดี แต่เหตุการณ์สำคัญขณะที่พยานรับเงินกลับไม่มีภาพบันทึกไว้ ทั้งที่ได้ความว่ามีกล้องวิดีโอแบบรีโมตคอนโทรล และแบบปากกา ที่สามารถเปิดค้างให้บันทึกภาพไว้ได้ตลอดเป็นเวลาหลายชั่วโมง ข้ออ้างของพยานทั้งสามจึงเป็นคำให้การลอยๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน เชื่อว่าผู้คัดค้านจัดการประชุมดังกล่าวเพื่อจัดตั้งผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง โดยประกาศโฆษณาอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง ทำให้มีคนไปร่วมฟังการปราศรัยเกือบ 300 คน ผู้คัดค้านหรือตัวแทนไม่น่าจะกล้าเสี่ยงแจกจ่ายเงินซื้อเสียงโดยเปิดเผยเช่นนั้น พฤติการณ์ในการจัดประชุมดังกล่าวมีเหตุผลเชื่อว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อที่จัดตั้งอาสาสมัครผู้ช่วยหาเสียงหรือ หัวคะแนนในท้องที่ ต.เมืองไผ่ จ.บุรีรัมย์เท่านั้น อันเป็นสิทธิของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย และที่ผู้คัดค้าน หรือตัวแทนแจกจ่ายเงินให้กับบุคคลต่างๆ เชื่อว่ามีเจตนาจะให้ค่าตอบแทน หรือ ค่าเสียเวลาทำมาหากินของผู้ที่มาเป็นอาสาสมัครและผู้ช่วยหาเสียงของผู้คัดค้านตลอดจนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่จ่ายเป็นค่าน้ำมันรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ถือได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงตามกฎหมาย และระเบียบของ กกต. กรณีจึงไม่ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านกระทำผิดตามข้อกล่าวหาของผู้ร้อง อันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 53 (1) พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ฯ อันจะเป็นเหตุให้การเลือกตั้ง ส.ส.บุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 5 ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมแต่อย่างใด จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ภายหลังฟังพิพากษา นายมนต์ไชยได้เข้าไปสวมกอดกับผู้สนับสนุนที่เดินทางมาให้กำลังใจประมาณ 30 คน โดยกล่าวว่าขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม ยืนยันว่าตนทำตามกฎหมายการเลือกตั้งทุกอย่าง ส่วนตัวนั้นไม่ติดใจที่จะฟ้องคดีต่อใคร เพราะการเมืองในการลงเลือกตั้ง ทุกฝ่ายสามารถที่จะมีหัวคะแนนหรืออาสาสมัครได้ เพียงแต่เราไม่ได้ไปจับผิดเขา