พ่อร่ำไห้รับศพน้องเฟี้ยตที่นิติเวช หลังสูญเสียลูกชายวัยน่ารักน่าชัง เตือนพ่อแม่ที่มีลูกเล็กๆ เป็นอุทาหรณ์ต้องใกล้ชิดเด็กอย่าให้คลาดสายตา ชี้มีปัญหาจะได้ช่วยลูกทันไม่ต้องมาเสียลูกไปเหมือนตน ผลชันสูตรพบระบบหายใจและการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ส่วนผลตรวจว่าพี่เลี้ยงประมาททำเด็กหล่นจนเสียชีวิตหรือไม่ต้องรออีก 4-5 วัน
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่สถาบันนิติเวชวิทยา เมื่อเวลา 11.00 น. นายธีระ ศิลากุล อายุ 41 ปี เดินทางมารับศพ ด.ช.ศุกลภัทร ศิลากุล น้องเฟียต อายุ 2 เดือน ที่เสียชีวิตในสภาพตัวเหลืองซีด มีรอยฟกช้ำที่เข่าขวา และฝ่ามือซ้าย มีเลือดออกที่จมูก ภายในอพาร์ตเมนต์ ย่านรามคำแหง
โดยนายธีระเปิดเผยว่า ตนและภรรยาต้องดูแลรับส่งลูกคนโต จึงต้องหาพี่เลี้ยงมาดูแลน้องเฟี้ยต ลูกชายคนเล็ก โดยได้ขอพี่เลี้ยงมาจากญาติซึ่งเคยดูแลแม่ของตนอยู่ และจากการสังเกตพฤติกรรมพี่เลี้ยงที่อยู่ด้วยกันมาประมาณ 4 เดือนก็เป็นคนดี เรียบร้อย นิ่งๆ ไม่เคยดุด่า หรือทุบตีน้องเฟี้ยต และช่วงเช้าก่อนที่น้องเฟี้ยตจะเสียชีวิตภรรยาได้พาไปอาบน้ำยังมีอาการปกติ ไม่ได้เป็นไข้เจ็บป่วย และไม่มีรอยฟกช้ำ แต่ภายหลังภรรยามาพบน้องเฟี้ยตนอนอยู่ในเปลมีอาการตัวอ่อน ซีดเหลือง จึงนำส่งโรงพยาบาลปั๊มหัวใจอาการก็ไม่ดีขึ้น สันนิษฐานว่าเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ที่บ้าน ตนเชื่อว่าพี่เลี้ยงน่าจะทำน้องเฟี้ยตตก แต่เมื่อได้สอบถามพี่เลี้ยงปฏิเสธ และสังเกตจากอาการพี่เลี้ยงก็ไม่ได้รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ เหมือนรู้มาก่อนแล้ว
“ตอนนี้ที่ทำใจได้คือลูกไม่มีวันกลับมาแล้ว พี่เลี้ยงที่อยู่กับเรา เราก็มองสิ่งที่ดีของกันและกัน แต่ที่ห่วงที่สุดคือความไว้ใจ เมื่อเราไม่อยู่บ้านถือเป็นจุดอ่อนที่ต้องระวังที่สุด ถ้าลูกเป็นอะไรไปเราก็ไม่รู้ว่าเขายอมบอกตามตรงหรือจะจัดฉากหรือไม่ ดังนั้นลูกเล็กๆ จำเป็นต้องอยู่ในสายตาพ่อ-แม่ตลอดเวลา เมื่อมีปัญหาจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที” นายธีระกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เปลี่ยนให้ลูกกินนมแพะตั้งแต่เมื่อไหร่ นายธีระกล่าวว่า ปกติให้น้องเฟี้ยตกินนมวัว แต่พบว่ามีผื่นขึ้น และมีเสียงหายใจแรงจึงพาไปตรวจที่ รพ.สิรินธรพบว่าแพ้นมวัว และแนะนำให้เปลี่ยนเป็นนำแพะ ก็เปลี่ยนมาได้ 20 กว่าวันแล้ว ไม่มีอาการแพ้อะไร หลังจากนี้จะนำศพน้องเฟี้ยตไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระไกรศรี (น้อย) ซอยรามคำแหง 23 โดยจะสวดหนึ่งคืนและฌาปนกิจพรุ่งนี้ (17 ต.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการชันสูตรศพน้องเฟี้ยตพบว่าระบบหายใจ และระบบการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ส่วนการตรวจวินิจฉัยอื่นต้องรอผลจากห้องปฏิบัติการอีก 4-5 วัน
ด้านพ.ต.อ.สรรคห์กิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้สาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นแล้วคือระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ซึ่งถ้าแพทย์ยืนยันแบบนี้ก็แสดงว่าไม่ได้เกิดจากความประมาทเลินเล้อ แต่ถ้าญาติติดใจเรื่องการสำลักนม ก็จะส่งนมไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่ถ้าไม่ติดใจคดีก็จบไป จากการสอบปากคำน.ส.เชอร์รี่ให้การไม่พบพิรุธ โดยให้การว่าได้อุ้มเด็กจริง แต่ไม่ได้ทำเด็กตก และเมื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า เปลเด็กห่างจากพื้น 6 นิ้ว ซึ่งไม่สูงมาก อีกทั้งแพทย์ที่รพ.ยืนยันว่ากระดูกเด็กไม่ได้หัก แสดงว่าเด็กไม่ได้ตกจากเปล โดยสันนิษฐานเบื้องต้นเพียงว่า สาเหตุอาจจะเกิดจากตอนกินนมแล้วเกิดสำลักนมมากกว่า เพราะหลังจากที่เด็กสำลักนม ทางน.ส.เชอร์รี่ได้โทรศัพท์ไปหาแม่เด็ก แต่อีกฝ่ายไม่รับโทรศัพท์ ซึ่งเมื่อตรวจสอบโทรศัพท์ของแม่เด็กแล้วพบว่า มีการโทร.ไปจริง แต่แม่เด็กติดธุระรับไม่ได้ อย่างไรก็ดีจะต้องรอผลตรวจอย่างเป็นทางการอีกครั้งจากทางสถาบันนิติเวช แต่ตอนนี้ได้ควบคุมตัว น.ส.เชอร์รี่ไว้ก่อนข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย