ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องไว้ไต่สวนคดี “วีระ มุสิกพงศ์” อดีตประธาน นปช.ฟ้อง “ชัยเกษม นิติสิริ” อดีตอัยการสูงสุด และรองอัยการสูงสุด เห็นแย้งอัยการเจ้าของสำนวนสั่งฟ้องคดีบุกบ้าน “สี่เสาเทเวศร์”
ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (12 ต.ค.) ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ คดีดำเลขที่ อ.4373/2552 ที่นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท, นายแพทย์เหวง โตจิราการ, พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย, นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ จำเลยคดีก่อความวุ่นวายที่หน้าบ้าน “สี่เสาเทเวศร์” เป็นโจทก์ที่ 1-8 ตามลำดับ ฟ้องนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด, นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
คำฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1-14 ส.ค. 2552 จำเลยที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดในขณะนั้น และจำเลยที่ 2 เป็นรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุด เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดความเห็นแย้งกับพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ที่สั่งไม่ฟ้องจำเลยกับพวกรวม 15 คน คดีมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ กรณีโจทก์นำกลุ่ม นปช.ไปชุมนุมก่อความวุ่นวายที่หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2550 แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้อง
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่อัยการจะใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยคดีไปในทางใดนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละบุคคลและต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งบรรยายฟ้องของโจทก์นั้นเข้าองค์ประกอบว่าจำเลยกระทำการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น จึงพิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง และมีคำสั่งคดีต่อไป