ผู้ต้องหาคดีผลิตเครื่องสำอางปลอมส่งขาย “ลูกนัท-กฤติยาภรณ์” เข้ามอบตัวหลังถูกแจ้งความดำเนินคดี ผู้เสียหายปฏิเสธเจรจายอมความ ชี้ไม่อยากให้คนอื่นหลงเชื่อตกเป็นเหยื่ออีก หลังสูญทรัพย์สินนับล้านบาท
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) น.ส.นภัทร เที่ยงแท้ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 217 ถนนเพชรเกษม ซอย 48 แยก 4 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม.พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สง่า เอี่ยมงาม พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.4 บก.ปคบ. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชนผลิตเครื่องสำอางปลอม ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ ตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง และข้อหาโฆษณา หรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ น.ส.กฤติยาภรณ์ หรือลูกนัท ตรีรัตน์พันธุ์ อายุ 41 ปี ดาราและนางแบบชื่อดัง อดีตขวัญใจช่างภาพมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2534 และ น.ส.ลฎาภา ภควัตทิวัฒ อายุ 39 ปี เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.นภัทร โดยกล่าวหาว่าหลอกลวงขายเครื่องสำอางที่ไม่มีคุณภาพ รวมมูลค่าความเสียหายนับล้านบาท
จากการสอบสวน น.ส.นภัทร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งทางทนายความระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการทำธุรกิจร่วมกันซึ่งดำเนินการมาเป็นเวลาประมาณ 3 ปีแล้ว ที่ผ่านมาได้มีความพยายามจะเจรจาเพื่อยุติเรื่องนี้ แต่ฝ่ายผู้กล่าวหาปฏิเสธที่จะเจรจาด้วยจึงต้องต่อสู้คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างการเข้ามอบตัวในครั้งนี้ ทาง น.ส.กฤติยาภรณ์ หรือลูกนัท และ น.ส.ลฎาภา ผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.เพื่อให้การเพิ่มเติม โดย น.ส.กฤติยาภรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2554 ได้รู้จัก และติดต่อกับผู้ต้องหาผ่านทางเว็บไซต์ www.fe-thailand.com เนื่องจากมีความสนใจลงทุนทำธุรกิจเครื่องสำอาง ซึ่งผู้ต้องหาชักชวนว่าหากต้องการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางขึ้นมาเขามีทางช่วยเหลือได้เพราะเป็นลูกของเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอาง และเป็นแพทย์ที่จบมาทางด้านนี้โดยตรง ภายหลังได้พบ และเห็นภาพถ่ายต่างๆ ที่ผู้ต้องหานำมาให้ดู และพูดจาหว่านล้อมจนหลงเชื่อ ทดลองซื้อเครื่องสำอางประเภทครีมทาหน้า เซรัมบำรุงผิว และครีมกันแดด รวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท เพื่อนำไปลองจำหน่าย
ลูกนัท กฤติยาภรณ์ กล่าวต่อว่า ครั้งแรกก็ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดีจากโรงงาน แต่หลังจากนั้นกลับพบว่า สินค้าไม่มีคุณภาพ และมีการส่งสินค้าไม่ครบจำนวน ทำให้ตนต้องระงับการจำหน่ายเพราะมีลูกค้าต่อว่ามา เมื่อสอบถามกับผู้ต้องหาก็ได้รับการปฏิเสธ จากนั้นได้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ จึงทราบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้เป็นลูกเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด เพียงแต่รู้จักกับทางโรงงานเพราะเคยติดต่อทำธุรกิจกันเท่านั้น และผู้ต้องหาก็ไม่ได้เป็นแพทย์แต่อย่างใด นอกจากนี้ ตนยังทราบด้วยว่า ผู้ต้องหาได้เปิด “เฟซบุ๊ก” อีกกว่า 5 ชื่อ ใช้หลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นๆ ให้ร่วมทำธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอางที่ด้อยคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนเคยแจ้งความไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แต่ทางพนักงานสอบสวนแนะนำให้ไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงเข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ก่อนแจ้งความที่ บก.ปคบ.ควบคู่กัน
ลูกนัท-กฤติยาภรณ์ กล่าวอีกว่า ต่อมา ทางตำรวจได้นำตัวอย่างเครื่องสำอางไปตรวจสอบที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็พบว่า มีสารปรอท ซึ่งเป็นสารควบคุมห้ามนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ส่วนเลข อย.ก็ไม่มีในสารบบ พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมหลักฐานก่อนพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
“ไม่อยากให้เขาไปหลอกคนอื่นอีก เพราะเพื่อนก็สูญเงินไป 3-4 แสนบาท แต่เชื่อว่ามีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ลงทุนทำธุรกิจร่วมกับผู้ต้องหา แต่ยังไม่แจ้งความเพราะเกรงภาพลักษณ์ของบริษัทเขาจะเสียหาย เพราะที่ทราบนั้นก็เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชื่อดัง หลังจากนี้ คงต้องให้ตำรวจได้ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาให้ถึงที่สุด และคงไม่ขอเจรจายอมความใดๆ ด้วย” อดีตดาราสาวชื่อดังกล่าว