ผู้เสียหายพร้อมผู้ปกครองกว่า 40 รายร้องกองปราบฯ แจ้งจับบริษัทเอสโอซี บริษัทจัดหาทุนการศึกษาคณะแพทย์กรุงปักกิ่ง เรียกเก็บค่านายหน้ารายละ 4.5 แสนบาทต่อราย ฐานฉ้อโกงและเบี้ยวนัดไม่ยอมเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่กองปราบปราม นางพัฒนา ด่านวรพงศ์ อายุ 51 ปี พร้อมผู้ปกครองนักศึกษาอีกกว่า 40 รายที่ได้รับความเสียหายจากบริษัท เอสโอซี เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดหาทุนการศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ที่ มหาวิทยาลัย แห่งหนึ่ง ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ได้เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มเติมต่อ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีต่อบริษัทฯ และผู้บริหารบริษัทในข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังจากที่เข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมาและมีการนัดเจรจาชดใช้ค่าเสียหายกับเจ้าของบริษัท แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายเจ้าของบริษัทแห่งนี้ก็ไม่มาพบและไม่สามารถติดต่อได้
น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ชาวจังหวัดสุโขทัย หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า จบการศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ต้องการไปศึกษาต่อด้านแพทย์ศาสตร์ จึงหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ กระทั่งมาทราบจากเพื่อนๆ แนะนำต่อกันมาว่าบริษัทเอสโอซีแห่งนี้มีทุนการศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ เป็นเวลา 6 ปี หากสนใจไปศึกษาต้องเสียค่าดำเนินการต่างๆ เป็นเงิน 4.5 แสนบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เสียเพียงครั้งเดียวตลอดหลักสูตร โดยค่าใช้จ่ายที่เสียให้ไปนั้นนอกจากจะได้ศึกษาคณะแพทย์แล้วยังมีตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ที่พักอาศัยฟรี และมีเงินเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 1,000 หยวน หรือ 5,000 บาทให้ด้วย
“นอกจากนี้ ทางบริษัทยังเสนอให้ค่านายหน้าอีก 2 หมื่นกว่าบาทต่อราย หากไปชักชวนผู้อื่นให้มาศึกษาต่อหลักสูตรเดียวกันนี้ได้ จึงตกลงทำสัญญากับบริษัทแห่งนี้และชำระเงินจนครบจำนวน 4.5 แสนบาทแล้ว แต่ปรากฏว่ามาเกิดปัญหากับนักศึกษาที่เสียค่าใช้จ่ายและเดินทางไปแล้วเพราะมหาวิทยาลัยดังกล่าวไม่ได้เปิดให้ทุนการศึกษาแต่อย่างใด จึงติดต่อขอเงินคืนแต่ก็ติดต่อไม่ได้ จึงรวมตัวกับกลุ่มผู้ปกครองที่ส่งลูกเดินทางไปแล้วเกิดปัญหามาแจ้งความดำเนินคดีต่อบริษัทและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง” น.ส.เอกล่าว
ด้าน นายบี (นามสมมติ) ผู้เสียหายอีกรายกล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายในกรณีนี้แบ่งได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มที่เดินทางไปเองแต่ให้บริษัทแห่งนี้เป็นคนดำเนินการให้ซึ่งต้องเสียเงินปีต่อปี ส่วนอีกกลุ่มเป็นกลุ่มที่ถูกบริษัทอ้างว่าสามารถหาทุนการศึกษาให้ได้แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย 4.5 แสนบาท แต่ไม่ว่าจะเดินทางไปศึกษาต่อด้วยวิธีใดก็จะต้องจ่ายเงินให้กับคนๆเดียว
“เป็นที่น่าสังเกตว่านักศึกษารุ่นก่อนที่เดินทางไปก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่รุ่นหลังกลับเกิดปัญหา แสดงว่าเป็นการนำเงินไปหมุน ผมจึงต้องมาแจ้งความเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นเพราะบริษัทแห่งนี้มีการเปิดเว็บไซต์ทำให้หาข้อมูลได้ง่าย และทราบมาว่ามีการไปออกบูทตามโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงหลายแห่งด้วย” นายบีกล่าว