ผบช.น.เปิดงานโครงการแท๊กซี่จิตอาสาร่วมแจ้งภัย 191 เพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมในพื้นที่กทม.เผยแท๊กซี่เกลื่อนท้องถนน เป็น "ตาวิเศษ" แจ้งเบาะแสคดีอาชญากรรมได้รวดเร็วที่สุด พร้อมให้ประสานพื้นที่ สน.น้ำท่วมทั่วกรุง พบเห็นที่ใดแจ้ง ผกก.สน.ได้ทันที ขู่ลงดาบหากลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมพื้นที่ใดไม่เห็นหัว ผกก.โดนเด้งแน่!
วันนี้ (26 ก.ย.) เวลา 11.00 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า(ร.5) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ณภัทร จุลละบุษปะ รอง ผบก.สปพ. พร้อมด้วย นายเศรษฐพล จินดานนท์ ผู้จัดการสถานีวิทยุ สจร.เอฟเอ็ม 99.5 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับอาสาผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการ ประมาณ 600 คน ร่วมเปิดงานโครงการแท็กซี่จิตอาสาสมัครร่วมแจ้งภัย 191 เพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมในพื้นที่กทม.
ทั้งนี้ ได้มีการจำลองเหตุการณ์ว่ามีรถกระบะคนร้ายได้ขับขี่หลบหนีผ่านมา โดยรถแท็กซี่ได้แจ้งข้อมูลไปยังศูนย์รับแจ้งเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทราบเบาะแสในการติดตามจับกุม จากนั้น รถยนต์ตำรวจ 2 คันได้ติดตามรถคนร้ายเพื่อสกัดจับและให้คนร้ายยอมมอบตัว โดยรถยนต์ตำรวจ 1 คันจะตรวจค้นคนร้ายซึ่งให้คนร้ายยกมือขึ้นและให้เดินลงมาจากรถที่ละคนพร้อมกับให้หมุนตัวเพื่อสังเกตว่ามีอาวุธปืนอยู่ภายในตัวหรือไม่ก่อนจะควบคุมตัว ส่วนรถตำรวจอีก 1 คัน จะเล็งอาวุธปืนไปที่รถของคนร้ายเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือการที่คนร้ายอาจมีอาวุธปืนยิงสวนออกมาจากในรถ
พ.ต.อ.ณภัทร กล่าวก่อนเปิดงานว่า ปัจจุบันมีปัญหาการเกิดอาชญกรรมขึ้นสูงมากในพื้นที่กทม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลประชาชนได้อย่างไม่เต็มที่ เมื่อเทียบจำนวนประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ได้เห็นว่าผู้ขับขี่รถแท็กซี่มีจำนวนเยอะมากจึงประสานไปยังสถานีวิทยุจราจรเพื่อสังคมเพื่อสังคม 99.5 เพื่อนำผู้ขับขี่รถแท้กซี่เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าว โดยจัดอบรมขึ้น 3 รุ่น จำนวน 600 คน ซึ่งผู้ผ่านการอบรมไปแล้วจะเป็นเครือข่ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการแจ้งข่าวอาชญากรรม ทั้ง การจำรูปพรรณสัณฐานหรือตำหนิของคนร้าย การจดจำข้อมูลเพื่อแจ้งเหตุ และการป้องกันตัวเองจากภัยอาชญากรรม
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวในพิธีเปิดว่า โครงการดังกล่าวเชื่อว่าจะลดปัญหาการเกิดอาชญากรรมได้ และจะนำรปภ.ของบริษัทเอกชนประมาณ 2,000 บริษัท ประมาณ 4-5 แสนคน เข้าร่วมอบรมเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาเพื่อแจ้งเบาะแสป้องกันเหตุ นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการระดมกวาดล้างปัญหาอาชญากรรมคดีค้างเก่าที่มีอยู่กว่า 50,000 หมาย ซึ่งตอนนี้จับได้แล้ว 613 คดี รวมทั้งการจับอาวุธปืนกว่า 1,000 กระบอก ทำให้สถิติอาชญากรรมที่เกี่ยวกับอาวุธปืนลดลงและคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์สินลดลงเช่นกัน
“เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำงานไม่ได้หากขาดข้อมูลจากประชาชน หวังอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมลงได้อย่างดี”ผบช.น. กล่าว
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการจราจรนั้น ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ซึ่งอยู่ตามท้องถนนน่าจะรู้ข้อมูลเป็นอย่างดี โดยพื้นที่ไหนมีน้ำท่วมขังทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด สมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวสามารถแจ้งไปยังสน.ในพื้นที่น้ำท่วมขังได้เลย โดย ผกก.สน.ในพื้นที่ต้องลงมาควบคุมการดูแลด้วยตนเอง และถ้าตนไปตรวจในพื้นที่น้ำท่วมขังแล้วไม่เจอกับ ผกก.สน.ในท้องที่นั้น จะมีมาตรการในการลงโทษแน่นอน