ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ครูลอนและครูพละย่านสายไหมข่มขืนลูกศิษย์นักเรียนชั้น ป.2 จากจำคุกคนละ 50 ปี เหลือจำคุกคนละ 12 ปี ชี้อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
วันนี้ (7 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขแดงที่ อ.4517/2550 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายลอน โสรกนิษฐ์ อายุ 64 ปี อาจารย์ประจำชั้น ป.2 ระดับ 7 และนายพิมล ซุ่นศรี หรือซุ้นศรี อายุ 54 ปี อาจารย์ 2 ระดับ 7 ครูสอนพละ โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านสายไหม เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานพาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร, กระทำอนาจารและพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราฯ หน่วงเหนี่ยว กักขัง เพื่อการอนาจาร
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. - 10 ส.ค. 2549 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองได้กระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกัน คือ นายลอน จำเลยที่ 1 ได้พา ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 6 ขวบ ผู้เสียหาย โดยหลอกเข้าไปในห้องน้ำก่อนกระทำอนาจารผู้เสียหาย จากนั้นนายลอน จำเลยที่ 1 ยังได้พราก ด.ญ.ก้อย (นามสมมติ) ไปกักขังเพื่อกระทำชำเรา หลังจากนั้นนายลอนได้พา ด.ญ.เอไปชำเราและอนาจารอีกจำนวน 5 ครั้ง ส่วนนายพิมล จำเลยที่ 2 นั้นได้ใช้กำลังประทุษร้าย ด.ญ.เอเพื่อกระทำอนาจารและกระทำชำเรา โดยที่ผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จำนวน 4 ครั้ง ต่อมาจำเลยทั้งสองยังได้ร่วมกันพา ด.ญ.เอ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 8 ขวบ ด.ญ.นิด (นามสมมติ) อายุ 8 ปี ด.ญ.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 7 ขวบ และ ด.ญ.หวาน (นามสมมติ) อายุ 8 ขวบ โดยล่อลวงว่าจะพาไปซื้อขนม ก่อนจะกระทำอนาจารผู้เสียหายทั้ง 5 คน และพรากผู้เสียหายไปจากบิดา มารดา เพื่อการอนาจาร หน่วงเหนี่ยวกักขังกระทำการด้วยประการใดให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยจำเลยทั้งสองได้ใช้กำลังประทุษร้าย และผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราผู้เสียหายทั้ง 5 อีกด้วย
นอกจากนี้ นายลอน จำเลยที่ 1 ยังได้กระทำชำเรา ด.ญ.จ๋า (นามสมมติ) อายุ 7 ขวบ และข่มขู่บังคับ ด.ญ.กุ้ง (นามสมมติ) อายุ 6 ขวบ น้องสาว ไม่ให้นำเรื่องไปบอกเล่ากับใคร เหตุเกิดที่แขวงและเขตสายไหม กทม.
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 68 ปี 3 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 51 ปี แต่ทั้งนี้ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 50 ปี ปอ.มาตรา 91 (3) ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องความผิดของจำเลยทั้งสอง 31 ข้อ แต่ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้องข้อใดบ้าง และพิพากษาจำเลยที่ 1 เกินไปจากคำฟ้อง ศาลอุทธรณ์จึงเห็นสมควรแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยมีคำพิพากษาในความผิดตามฟ้องเสียใหม่ให้ชัดเจน และเพื่อให้การบังคับคดีเป็นไปด้วยความถูกต้อง ทั้งนี้อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางข้อ และพยานหลักฐานของโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควรในบางข้อ
พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง 283 ทวิ วรรคสอง 309 วรรคแรก 310 ทวิ 312 ทวิ วรรคแรก และ 317 วรรคสาม การกระทำของจำเลยทั้งสองมีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่ออนาจาร ฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกาย ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน ซึ่งการกระทำเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ลงโทษจำคุกคนละ 7 ปี และความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อกระทำอนาจารฯ ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 12 ปี
ภายหลังนายกิ่งแก้ว โยมเมือง ทนายความ เปิดเผยว่า จะยื่นฎีกาเพื่อต่อสู้คดีต่อไป เนื่องจากศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น จึงลดโทษจาก 50 ปี เหลือ 12 ปี อีกทั้งนายลอนได้ติดคุกมาแล้วหลายปี นอกจากนี้จะขอดูรายละเอียดในเรื่องการยื่นขอประกันตัวว่าจะได้หรือไม่