ศาลสั่งจำคุกแม่บังเกิดเกล้า ติดยาบ้างอมแงม ช่วยจับบุตรสาววัย 13 ปี ให้สามีใหม่กระทำชำเรา ชี้แทนที่จะช่วยเหลือลูกให้รอดพ้นจากการกระทำอันชั่วร้ายจากบุคคลอื่น แต่กลับช่วยเหลือบุคคลอื่นกระทำต่อลูกตนเอง สร้างตราบาปให้แก่ลูก จำคุก 2 ปี 8 เดือน
วันนี้ (29 ส.ค.) ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีความผิดทางเพศรวม 2 คดี โดยคดีแรกเป็นคดีดำ อ.1466/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.นารี หรือนา มณีนาค อายุ 49 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตนโดยหญิงนั้นไม่ยินยอม และเป็นผู้อยู่ในความปกครอง ฟ้องโจทก์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2555 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2544 เวลาประมาณ 03.00 น. จำเลยซึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 13 ปีเศษขณะนั้น ได้ร่วมกับนายจำปา เนตรเสรี ศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว สามีใหม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส โดยจำเลยซึ่งติดยาเสพติดได้ช่วยจับแขน และใช้หมอนปิดปากผู้เสียหาย เพื่อให้นายจำปาข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ เหตุเกิดที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ภายในชุมชนซอยสีน้ำเงิน แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้เสียหายเบิกความยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น หากไม่เป็นความจริง คงไม่กล้าเบิกความปรักปรำมารดาตัวเองให้ต้องรับโทษทางอาญา พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พิพากษาจำคุกจำเลย 5 ปี 4 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้ 2 ปี 8 เดือน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า จำเลยเป็นมารดาโดยแท้ของผู้เสียหาย ซึ่งวิสัยของมนุษย์ผู้เป็นแม่มีหน้าที่ต้องปกป้องคุ้มครองดูแลลูกให้รอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย แต่แทนที่จำเลยจะช่วยเหลือลูกให้รอดพ้นจากการกระทำอันชั่วร้ายจากบุคคลอื่น กลับช่วยเหลือบุคคลอื่นกระทำต่อลูกตนเอง สร้างตราบาปให้แก่ลูก นับเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
สำหรับคดีที่ 2 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดำ อ.2490 /2554 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายนำภูมิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเป็นผู้สืบสันดานของตนเอง และอยู่ในความปกครองของจำเลย
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 9 ก.พ. - 3 มี.ค. 2554 จำเลยซึ่งเป็นบิดาได้กระทำชำเรา ด.ญ.บี (นามสมมุติ วัย 3 ขวบ 8 เดือน บุตรสาวของตนเองจนสำเร็จความใคร่ ต่อมามารดาผู้เสียหายพบความผิดปกติบุตรสาวบ่นเจ็บอวัยวะเพศ จึงนำความเข้าแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย จับกุมจำเลยดำเนินคดี เหตุเกิดที่ห้องพักแฟลตแห่งหนึ่งย่านซอยลาดพร้าว 93 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของมารดาผู้เสียหายที่ได้รับการบอกเล่าจากผู้เสียหายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งล้วนมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมิได้เป็นการปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ ส่วนข้ออ้างจำเลยฟังไม่ขึ้น เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาจำคุก 9 ปี 4 เดือน
วันนี้ (29 ส.ค.) ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีความผิดทางเพศรวม 2 คดี โดยคดีแรกเป็นคดีดำ อ.1466/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.นารี หรือนา มณีนาค อายุ 49 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตนโดยหญิงนั้นไม่ยินยอม และเป็นผู้อยู่ในความปกครอง ฟ้องโจทก์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2555 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2544 เวลาประมาณ 03.00 น. จำเลยซึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 13 ปีเศษขณะนั้น ได้ร่วมกับนายจำปา เนตรเสรี ศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว สามีใหม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส โดยจำเลยซึ่งติดยาเสพติดได้ช่วยจับแขน และใช้หมอนปิดปากผู้เสียหาย เพื่อให้นายจำปาข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ เหตุเกิดที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ภายในชุมชนซอยสีน้ำเงิน แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้เสียหายเบิกความยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น หากไม่เป็นความจริง คงไม่กล้าเบิกความปรักปรำมารดาตัวเองให้ต้องรับโทษทางอาญา พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พิพากษาจำคุกจำเลย 5 ปี 4 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้ 2 ปี 8 เดือน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า จำเลยเป็นมารดาโดยแท้ของผู้เสียหาย ซึ่งวิสัยของมนุษย์ผู้เป็นแม่มีหน้าที่ต้องปกป้องคุ้มครองดูแลลูกให้รอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย แต่แทนที่จำเลยจะช่วยเหลือลูกให้รอดพ้นจากการกระทำอันชั่วร้ายจากบุคคลอื่น กลับช่วยเหลือบุคคลอื่นกระทำต่อลูกตนเอง สร้างตราบาปให้แก่ลูก นับเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
สำหรับคดีที่ 2 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดำ อ.2490 /2554 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายนำภูมิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเป็นผู้สืบสันดานของตนเอง และอยู่ในความปกครองของจำเลย
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 9 ก.พ. - 3 มี.ค. 2554 จำเลยซึ่งเป็นบิดาได้กระทำชำเรา ด.ญ.บี (นามสมมุติ วัย 3 ขวบ 8 เดือน บุตรสาวของตนเองจนสำเร็จความใคร่ ต่อมามารดาผู้เสียหายพบความผิดปกติบุตรสาวบ่นเจ็บอวัยวะเพศ จึงนำความเข้าแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย จับกุมจำเลยดำเนินคดี เหตุเกิดที่ห้องพักแฟลตแห่งหนึ่งย่านซอยลาดพร้าว 93 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของมารดาผู้เสียหายที่ได้รับการบอกเล่าจากผู้เสียหายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งล้วนมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมิได้เป็นการปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ ส่วนข้ออ้างจำเลยฟังไม่ขึ้น เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาจำคุก 9 ปี 4 เดือน
